โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย และตัว “นายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถือเป็นพื้นที่บ้านเกิดต้องปักธงชัยนะให้ได้
โดย “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” นำทีมออนทัวร์ภาคอีสาน โค้งสุดท้ายไม่มีพักปิดจบหาเสียงพื้นที่ภาคเหนือ 3 จังหวัด คือ จ.เชียงราย จ.ลำพูน และ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 29-30 ม.ค.นี้ ออกสตาร์ทวันที่ 29 ม.ค.ขึ้นเวทีปราศรัยเวทีแรกที่ จ.เชียงราย เวทีที่สองปราศรัยต่อที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ พร้อมพักค้างคืน ลุยต่อวันที่ 30 ม.ค. จัดเต็มเวทีที่สามปราศรัยที่ จ.ลำพูน และปิดท้ายที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ปราศรัยอีกรอบ
งานนี้ “เด็กเพื่อไทย” อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาการันตีคะแนนความนิยมนายใหญ่พุ่งขึ้น ว่า จากช่วงแรกก่อนรับสมัครและช่วงหาเสียง จนถึงช่วงโค้งสุดท้ายคะแนนของผู้สมัครจากพรรค พท.ดีขึ้นเป็นลำดับ เราเชื่อมั่นและคาดหวังว่าจะดีขึ้นไปจนถึงวันเลือกตั้ง หลายจังหวัดตอนออกตัวสูสีและยังไม่ได้นำ แต่เมื่อนายทักษิณไป คะแนนกลับนำอย่างเห็นได้ชัด จนวันนี้เรามาดูโพลจังหวัดที่สูสีกลายเป็นพรรค พท.นำขึ้นมา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าพื้นที่ภาคเหนือ จ.เชียงราย เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยด้วยเช่นกัน จึงทำให้กัดไม่ปล่อย “ทักษิณ” จัดคิวขึ้นไปช่วยหาเสียงผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยถึงสองรอบ เพราะประเมินคะแนนความนิยมในพื้นที่ยังสูสีคู่แข่ง จึงต้องการชัยชนะในศึกเลือกตั้งนายก อบจ.ให้ได้ เพื่อนำไปต่อยอดการเมืองระดับชาติ ซึ่งแม้จะเป็นภาคเหนือที่เป็นฐานเสียงสำคัญของ “นายใหญ่” และ “เพื่อไทย” อยู่แล้วก็ตาม
ขณะที่พื้นที่เชียงใหม่เป็นที่รับรู้กันดีว่าเป็นบ้านเกิดและฐานเสียงสำคัญของ ”ตระกูลชินวัตร“ แพ้ไม่ได้ เลือกปักหมุดเมืองเชียงใหม่ปิดปราศรัยใหญ่เลือกตั้งนายก อบจ. ท่ามกลางการแข่งขันเข้มข้นระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “พรรคประชาชน” ที่ส่งคนลงสมัครในนามพรรคอย่างเป็นทางการ เพราะที่ผ่านมาสนามเลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุดเพื่อไทยพ่ายแพ้ให้กับพรรคประชาชน (ก้าวไกล) ในหลายเขต จากจำนวน สส.ทั้งหมด 10 คน พรรคก้าวไกลได้ไปถึง 6 คน ขณะที่เพื่อไทยรักษาที่นั่งได้แค่ 4 ที่นั่งเท่านั้น
ความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปในสนามบ้านเกิด ถือว่าเสียหายหนัก และนี่เป็นคำตอบว่า ทำไมการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงใหม่ครั้งนี้ “นายใหญ่” ถึงให้ความสำคัญมากลงหาเสียงเป็นจังหวัดแรก และวนกลับมาหาเสียงซ้ำปิดท้ายอีกรอบ จึงไม่แปลกที่พรรคเพื่อไทยระดมสรรพกำลัง ทำทุกทางให้ “ชนะขาด” ไม่ให้เสียหน้า อีกไม่กี่วันคงได้รู้กัน งานนี้จะสิ้นมนต์ขังหรือเปล่า.