สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ว่า ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ ว่าข้อตกลงหยุดยิงฉบับปัจจุบัน ระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน ซึ่งอยู่ภายใต้การสังเกตการณ์โดยสหรัฐ ได้รับการขยายระยะเวลาออกไป จนถึงวันที่ 18 ก.พ. นี้


ขณะเดียวกัน รัฐบาลวอชิงตันจะเดินหน้าการทำหน้าที่คนกลาง ประสานงานระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน ในการช่วยเหลือเชลยศึกชาวเลบานอน ที่อิสราเอลควบคุมตัวไว้ นับตั้งแต่สงครามในฉนวนกาซาปะทุ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 และส่งผลให้เลบานอนกลายเป็นสมรภูมิคู่ขนาน ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ แม้ขอบเขตของการสู้รบไม่รุนแรงเท่าก็ตาม


อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของทำเนียบขาวไม่เอ่ยถึงฝรั่งเศส ซึ่งช่วยเหลือให้ทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิงครั้งแรกได้ เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2567 ในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน และไม่กล่าวถึงการที่เลบานอนประณามอิสราเอล ว่าละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และโจมตีเป้าหมายหลายแห่งในเลบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ราย


อนึ่ง อิสราเอลแสดงออกมานานระยะหนึ่งแล้วว่า “ไม่สามารถ” ปฏิบัติตามเงื่อนไขของข้อตกลงหยุดยิง โดยเฉพาะในประเด็นการต้องถอนทหารออกจากแนวรบภายใน 60 วัน โดยกล่าวว่า “ทหารเลบานอนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง” และกล่าวถึงเหตุการณ์โจมตีครั้งล่าสุดด้วยว่า อิสราเอลต้องจัดการกับ “ภัยคุกคามจวนตัว” ที่เกิดขึ้นกับทหาร.

เครดิตภาพ : AFP