เมื่อวันที่ 25 ม.ค. นพ.สมิทธิ์ อารยะสกุล นายแพทย์ สมิทธิ์ อารยะสกุล (โอ๊ค) เจ้าของเพจ หมอโอ๊ค DoctorSixpack ได้โพสต์ย้ำถึงพิษภัยของฝุ่น PM2.5 ว่า

ห้ามออกนอกบ้าน ถ้าไม่ใส่หน้ากาก เด็ดขาดครับ! หมอกมรณะ

ฝุ่นวันนี้ หนักหนามากๆ มะเร็งปอด ระดับความตาย 110ug/m3

ซึ่งระดับที่ปอดภัย คือ 5ug/m3 เราเกินจุดนั้น 20 เท่า!

10 โรคร้ายจาก PM2.5: เจาะลึกกลไกการทำลายล้างตั้งแต่หัวจดเท้า!

สวัสดีครับเพื่อนๆ หมอโอ๊คกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยอันตรายของฝุ่น PM2.5 ที่ส่งผลต่อสุขภาพของเรา วันนี้เราจะมาเจาะลึกกันแบบละเอียดๆ ถึง 10 โรคร้ายที่เกิดจาก PM2.5 พร้อมกลไกการทำลายล้างตั้งแต่หัวจดเท้า! แน่นอนว่า หมอโอ๊คมีงานวิจัยมาอ้างอิงให้เพื่อนๆ มั่นใจในข้อมูลด้วยนะครับ

1. โรคระบบประสาท

* กลไกการเกิดโรค:  PM2.5 สามารถแพร่กระจายเข้าสู่สมองได้โดยตรง ผ่านทางเส้นประสาทรับกลิ่น หรือผ่านทางกระแสเลือด เมื่อเข้าสู่สมองแล้ว จะก่อให้เกิดการอักเสบ oxidative stress และทำลายเซลล์สมอง ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

* โรคหลอดเลือดสมอง: เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก ทำให้สมองขาดเลือด เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต พูดไม่ชัด

* โรคอัลไซเมอร์:  เกิดการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมอง ทำให้เซลล์สมองตาย ส่งผลต่อความจำ การเรียนรู้ และพฤติกรรม

* โรคพาร์กินสัน: เซลล์สมองส่วนที่ผลิตสารโดปามีนถูกทำลาย ทำให้เกิดอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง และเสียการทรงตัว

* ภาวะสมองเสื่อม:  การทำงานของสมองเสื่อมถอยลง ส่งผลต่อความจำ การคิด การตัดสินใจ และพฤติกรรม

ผลการวิจัย:

* การศึกษาในประเทศจีนพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดสมอง (Chen R et al.,  Stroke, 2013)

* การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคอัลไซเมอร์ (Cacciottolo M et al., Nature Reviews Neurology, 2017)

2. โรคตา

* กลไกการเกิดโรค: PM2.5 ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อดวงตา เยื่อบุตาอักเสบ และอาจเข้าสู่ดวงตาโดยตรง ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

* โรคต้อกระจก: เลนส์ตาขุ่นมัว ทำให้มองเห็นภาพไม่ชัดเจน

* โรคต้อหิน: ความดันในลูกตาสูง ทำลายเส้นประสาทตา ทำให้สูญเสียการมองเห็น

* โรคจอประสาทตาเสื่อม: เซลล์รับภาพที่จอประสาทตาเสื่อม ทำให้สูญเสียการมองเห็นส่วนกลาง

ผลการวิจัย:

* การศึกษาในไต้หวันพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต้อกระจก (Tsai SY et al.,  JAMA Ophthalmology, 2016)

* การศึกษาในเกาหลีใต้พบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคต้อหิน (Kim JH et al.,  Investigative Ophthalmology & Visual Science, 2016)

3. โรคระบบทางเดินหายใจ

* กลไกการเกิดโรค: PM2.5 เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ ทำให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง และทำลายเนื้อเยื่อปอด ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

* โรคหอบหืด: หลอดลมหดตัว ทำให้หายใจลำบาก มีเสียงหวีด ไอ และแน่นหน้าอก

* โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD): ถุงลมในปอดถูกทำลาย ทำให้การแลกเปลี่ยนออกซิเจนลดลง เกิดอาการเหนื่อยง่าย หายใจลำบาก  ไอเรื้อรัง และมีเสมหะ

* โรคหลอดลมอักเสบ: หลอดลมอักเสบ ทำให้ไอ มีเสมหะ และหายใจลำบาก

* โรคปอดบวม: เกิดการติดเชื้อในปอด ทำให้มีไข้ ไอ มีเสมหะ หายใจลำบาก และเจ็บหน้าอก

* โรคมะเร็งปอด:  สารก่อมะเร็งใน PM2.5 ทำให้เซลล์ปอดผิดปกติ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด

ผลการวิจัย:

* การศึกษาในยุโรปพบว่า  PM2.5  เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหอบหืดในเด็ก (Gehring U et al., European Respiratory Journal, 2010)

* การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจาก COPD (Dominici F et al., New England Journal of Medicine, 2006)

4. โรคหัวใจและหลอดเลือด

* กลไกการเกิดโรค:  PM2.5  เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดการอักเสบของหลอดเลือด เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ดังนี้

* โรคหลอดเลือดหัวใจ: หลอดเลือดหัวใจตีบ ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ เกิดอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย และอาจทำให้หัวใจวายได้

* โรคหลอดเลือดสมอง: หลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก ทำให้สมองขาดเลือด เกิดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต พูดไม่ชัด และอาจทำให้เสียชีวิตได้

* โรคความดันโลหิตสูง: PM2.5 ทำให้หลอดเลือดหดตัว เพิ่มความดันโลหิต ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดสมอง

* ภาวะหัวใจล้มเหลว: หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่ดี ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย บวม และหายใจลำบาก

ผลการวิจัย:

* การศึกษาในหลายประเทศพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด (Brook RD et al., Circulation, 2010)

* การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว (Pope CA III et al., Journal of the American Heart Association, 2015)

5. โรคระบบทางเดินอาหาร

* กลไกการเกิดโรค: PM2.5 อาจเข้าสู่ระบบทางเดินอาหาร โดยการกลืนฝุ่นที่ปนเปื้อนในน้ำลาย หรืออาหาร และอาจส่งผลต่อจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

* โรคลำไส้อักเสบ: ลำไส้ใหญ่ และลำไส้เล็กอักเสบ ทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด และมีไข้

* โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่: PM2.5 อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่

* โรคกรดไหลย้อน: PM2.5 อาจทำให้เกิดอาการกรดไหลย้อน เช่น แสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว และมีรสขมในปาก

ผลการวิจัย:

* การศึกษาในแคนาดาพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เนื่องจากโรคลำไส้อักเสบ (Kaplan GG et al., American Journal of Gastroenterology, 2012)

* การศึกษาในไต้หวันพบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Chen PC et al., Environmental Research, 2016)

6. โรคตับ

* กลไกการเกิดโรค: PM2.5 เข้าสู่กระแสเลือด และไปสะสมที่ตับ ทำให้เกิดการอักเสบ และทำลายเซลล์ตับ ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

* ภาวะไขมันพอกตับ: มีไขมันสะสมในตับมากเกินไป ทำให้ตับทำงานผิดปกติ

* โรคตับอักเสบ:  ตับอักเสบ ทำให้มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง เบื่ออาหาร และอ่อนเพลีย

* โรคตับแข็ง: ตับถูกทำลาย และมีพังผืดเกิดขึ้น ทำให้ตับทำงานผิดปกติ และอาจทำให้เสียชีวิตได้

ผลการวิจัย:

* การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะไขมันพอกตับ (Wei Y et al., Journal of Hepatology, 2013)

* การศึกษาในจีนพบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคตับแข็ง (Zhang X et al., Journal of Gastroenterology and Hepatology, 2015)

7. โรคไต

* กลไกการเกิดโรค: PM2.5 เข้าสู่กระแสเลือด และไปสะสมที่ไต ทำให้เกิดการอักเสบ และทำลายไต ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ดังนี้

* โรคไตเรื้อรัง: ไตทำงานผิดปกติ ไม่สามารถกรองของเสียออกจากเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

* ภาวะไตวาย:  ไตสูญเสียการทำงาน ทำให้ต้องฟอกเลือด หรือปลูกถ่ายไต

ผลการวิจัย:

* การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตเรื้อรัง (Miller KA et al., Journal of the American Society of Nephrology, 2012)

* การศึกษาในไต้หวันพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคไต (Chang CC et al.,  The Lancet Respiratory Medicine, 2015)

8. โรคผิวหนัง

* กลไกการเกิดโรค: PM2.5 ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำให้เกิดผื่น คัน ผิวแห้ง และอาจทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบต่างๆ  เช่น

* โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง: ผิวหนังอักเสบ มีผื่นแดง คัน และผิวแห้ง

* โรคสะเก็ดเงิน: ผิวหนังมีสะเก็ด หนา และคัน

* สิว:  PM2.5 อาจกระตุ้นให้เกิดสิว โดยเฉพาะในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

ผลการวิจัย:

* การศึกษาในเกาหลีใต้พบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก (Ahn K et al., Journal of Investigative Dermatology, 2014)

* การศึกษาในจีนพบว่า PM2.5 มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคสะเก็ดเงิน (Li W et al., Journal of the European Academy of Dermatology and Venereology, 2016)

9. โรคเบาหวาน

* กลไกการเกิดโรค: PM2.5 ส่งผลต่อการทำงานของอินซูลิน ฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน  และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวาน โดยเฉพาะเบาหวานชนิดที่ 2

ผลการวิจัย:

* การศึกษาในหลายประเทศพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Rajagopalan S et al., Diabetes Care, 2018)

* การศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า PM2.5 ทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานแย่ลง (Brook RD et al.,  Diabetes Care, 2013)

10. โรคมะเร็ง

* กลไกการเกิดโรค: PM2.5 มีสารก่อมะเร็งปนเปื้อนอยู่ เช่น โลหะหนัก สารไฮโดรคาร์บอน (PAHs) ซึ่งสารเหล่านี้จะเข้าไปทำลาย  DNA ของเซลล์ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ เช่น

* มะเร็งปอด: เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุด ที่เกี่ยวข้องกับ PM2.5

* มะเร็งลำไส้ใหญ่: PM2.5 อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่

* มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ: PM2.5 อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ

* มะเร็งเต้านม: PM2.5 อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม

ผลการวิจัย:

* องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้  PM2.5 เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่ม 1 ซึ่งหมายความว่า มีหลักฐานชัดเจนว่า PM2.5 ก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์  (IARC, 2013)

 * การศึกษาในหลายประเทศพบว่า PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งชนิดต่างๆ (Hamra GB et al., Environmental Health Perspectives, 2014)

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะครับ ดูแลสุขภาพ และป้องกันตัวเองจาก PM2.5 กันด้วยนะครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ!

ใครได้ประโยชน์อยาก ได้ความรู้เพิ่มเรื่องฝุ่นพีเอ็ม 2.5 คืนนี้หมอโอ๊คจะมาสอนใครอยากรู้ให้พิมพ์ว่า… ฝุ่น