เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ลานเอ็กซ์ตรีม สนามสามเหลี่ยมทุ่งนาเชย อ.เมือง จันทบุรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย ส.ส.พรรคประชาชน อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี พรรคประชาชน ขึ้นเวทีปราศรัยช่วยนายมานะ ชนะสิทธิ์ ผู้สมัครนายก อบจ.พรรคประชาชน เบอร์ 1 พรรคประชาชนหาเสียง
โดยนายพริษฐ์ กล่าวว่า ทุกคนทราบดีว่าจันทบุรีเป็นเมืองผลไม้ ระหว่างเดินทางจาก กทม.ตนเปิดโทรศัพท์หาข้อมูลว่าผลไม้ที่ขายดีที่สุดในจันทบุรีคืออะไร 3 อันดับแรก น่าจะเป็น ทุเรียน ลำไย เงาะ แต่วันนี้เห็นพี่น้องมาแล้ว คิดว่าผลไม้ที่ขายดีที่สุดน่าจะเป็นส้มมากมากกว่า และขายดีนานมาแล้วย้อนไปตั้งแต่ปี 62 และปี 66 ที่สส.พรรคส้มชนะยกจังหวัดทั้ง 3 คน แต่ในระบอบประชาธิปไตย เราต้องไม่มองประชาชนเป็นของตาย แม้จะชนะเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะชนะรอบนี้ และไม่ได้หมายความว่าชนะมา 20-30 ปีแล้วจะชนะพรรคส้มเสมอไป พี่น้องที่ลังเลใจขอให้ถามใจตัวเองว่าเลือกพรรคส้ม 2 ครั้งที่ผ่านมาคุ้มค่าหรือไม่ สส.พรรคส้มทำงานได้คุ้มค่าหรือไม่ แม้พวกเราพรรคส้มยังไม่เคยมีโอกาสเข้าไปมีอำนาจบริหาร แต่ตนยืนยันว่าการกาพรรคส้มคือการเหยียบคันเร่งให้กับการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม การมีอยู่ของพรรคส้มและสส.ที่เกี่ยวข้องมีส่วนในการช่วยเร่งรัดการเปลี่ยนแปลง ให้คู่รักทุกคู่ทุกเพศมีสิทธิ์สมรสอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน รวมทั้งการปลดล็อกสุราก้าวหน้า และร่างกฎหมายไม่ตีเด็ก เป็นต้น

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าการเหยียบคันเร่งพวกตนไม่ได้เป็นเด็กวัยรุ่นใจร้อน แต่ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ของจันทบุรีที่เกินมาตรฐานมา 4 วันทำให้เห็นความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง ท้องถิ่นของบ 1,000 ล้านบาทเพื่อแก้ปัญหาไฟป่า แต่รัฐบาลอนุมัติแค่ 120 ล้านบาทเท่านั้น หลายเงื่อนไขรัฐบาลทำได้โดยไม่ต้องรอ ทั้งในเรื่องการอนุมัติงบกลางเพื่อแก้ปัญหานี้ ตนอยากฝากชาว จ.จันทบุรี โอกาสในการเปลี่ยนจังหวัดของท่านมาถึงแล้ว วันที่ 1 ก.พ. ปากกาด้ามละ 10 บาทในมือท่านจะมีมูลค่าถึง 3,000 ล้านบาท เพราะปากกาในมือท่านจะเป็นตัวกำหนดว่านายก อบจ. และส.อบจ จะผลักดันนโยบายและการใช้งบ 700 ล้านบาทใน 4 ปีข้างหน้าอย่างไร วันเสาร์ที่ 1 ก.พ.นี้ จึงไม่ใช่เวลาโยนปากกาทิ้ง แต่เป็นเวลาที่หยิบปากการขึ้นมาขีดเขียนอนาคตไปด้วยกัน และเพื่อใช้ปากกาตั้งรัฐบาลพรรคส้มในจันทบุรีไปด้วยกัน
ด้านนายวิโรจน์ ปราศรัยความตอนหนึ่งว่า ตนบอกกับพรรคว่าการเลือกตั้งท้องถิ่น หากเราต้องการได้ใจคนจันทบุรีต้องแสดงความตั้งใจที่อยากจะทำให้จังหวัดจันทบุรีดีขึ้นกว่านี้จริงๆ แกนนำพรรคคนอื่นๆ อาจจะหมุนเวียนกันไปที่จังหวัดอื่น แต่ตนขอปักหลักอยู่ที่นี่ ตนไม่ได้สู้กับใครแต่สู้กับวลีหนึ่งที่ระบุว่า “จันทบุรีดีอยู่แล้ว” ในช่วงฤดูแล้งที่ชาวสวนทุเรียนขาดน้ำต้องซื้อน้ำวันละ20,000 บาท เหมือนถูกกระชากสร้อยวันละ 2 สลึง ปัญหาช้างป่า ที่บุกรุกสวนทุเรียนทำให้ชาวสวนสิ้นเนื้อประดาตัว ทุก 40 วันมีผู้ถูกช้างเหยียบเสียชีวิต1 คนนี้หรือจันทบุรีที่ดีอยู่แล้วไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ต้องเดินหน้าไม่ต้องแก้ปัญหาแล้ว

นายวิโรจน์ กล่าวว่า ส่วนแรงงานชาวสวนลำไยขาดแคลนต้องไปขึ้นทะเบียนแรงงาน ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเกือบ 6,000 บาท ล่าสุดปัญหาการนำทุเรียนไปจุ่มเบสิค เยลโล่ทู ที่จีนระงับการนำเข้าทุเรียน ทุเรียนไม่ใช่แค่ผลไม้แต่คือชีวิตความหวังอนาคตของคนจันทบุรี แต่ตนไม่เห็นการทำงานของ อบจ. ที่กระตือรือร้นประสานงานกับ สส. ในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจจริงจังเลย 1 ก.พ. ที่จะถึงหลายคนกำลังจะกาด้วยความกลัวแต่ตนยืนยันว่าได้เวลากาด้วยความหวังแล้ว.