จากนั้นเวลา 14.00 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พบนักฟุตบอล สโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ เล่าย้อนอดีตว่า ตนเองเคยเล่นฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก เล่นกีฬาทุกอย่าง พอตั้งพรรคไทยรักไทยขึ้นมา ก็เปิดสปีดซอคเกอร์ แบบประเทศบราซิล ที่ส่งเสริมเด็กเล่นฟุตบอล เราก็มาเลียนแบบค่อนข้างคึกคัก ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี ก็อยากซื้อลิเวอร์พูล แต่มีคนมาคัดค้าน บอกว่าจะเป็นการพนัน วันนั้นลิเวอร์พูลขายไม่กี่ตังค์ ถ้าเอาเงินกองสลากไปซื้อก็ได้ ตอนนี้ใครจะซื้อต้องมีเงินเป็นแสนล้าน พอเลิกจากลิเวอร์พูล มีเพื่อนเป็นเจ้าของฟูแลม ก็เกือบจะซื้อ เพราะจ่ายแพง ก็เลยถามว่าส่งนักฟุตบอลไปเข้าอะคาเดมีได้ไหม เลยได้ส่งเด็กไทยไปเรียนในอะคาเดมี ก็เลยซื้อแมนฯ ซิตี แก้เหงา และมีเด็กบราซิลอยู่หลายคน ในทีมมีการแข่งขันมิตรภาพระหว่างบราซิลและอังกฤษ

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ตนอยู่กับฟุตบอลมาพอสมควร พบว่าการมีอะคาเดมี เป็นการสร้างเด็กๆ ต่างชาติมองว่าการเรียนไม่ใช่เรื่องหลัก กีฬาเป็นเรื่องหลัก ระหว่างความรู้ กับหาเงิน เอาหาเงินก่อน นี่คือ วิธีคิดของชาวต่างชาติ แต่ในประเทศไทย พ่อแม่เน้นเรื่องปริญญา ความรู้ ความชำนาญเป็นหัวใจสำคัญในยุคนี้มากกว่า แต่ความรู้ ไม่ใช่แค่ในห้องเรียน แต่เรียนตรงไหนก็ได้

นายทักษิณ ยังระบุอีกว่า ตนไปซื้อแมนฯ ซิตี ทุกคนถามว่าทำไมถึงซื้อ และตอนที่ถูกปฏิวัติลี้ภัยไปอยู่ลอนดอน วันแรก นายลีกวนยู อดีตนายกฯ สิงคโปร์ ซึ่งท่านกับตนชอบคอกันเป็นพิเศษ และส่งทูตสิงคโปร์ไปหา และบอกว่า ทักษิณ ยูต้องอยู่เงียบๆ นะ และยูจะได้กลับบ้าน ตนเองก็นั่งคิด พี่ๆ เราที่โดนปฏิวัติ ก็เงียบทุกคน ไม่เห็นได้กลับบ้านสักคน จึงคิดว่าจะทำอย่างไรดี ถ้าเราไม่เชื่อฟังเขา มันก็ดูขัดศรัทธา ตนจึงบอกว่า เอาล่ะวะ เราไม่ยุ่งการเมือง มาเอาสังคมดีกว่า จึงซื้อทีมฟุตบอลดีกว่า ตอนแรกจะซื้อทีมวูล์ฟแฮมป์ตัน แต่ปรากฏว่า วันนั้นเจ้าของไปลงเรือไม่กลับมาสักที ฤดูกาลจะมาแล้ว วันนั้นวูล์ฟแฮมป์ตันอยู่ในแชมเปี้ยนชิพ มีพรรคพวกมาบอกว่าแมนฯ ซิตี จะขาย ตนเองไม่เคยได้ยิน ได้ยินแต่ แมนฯ ยู จึงไปศึกษาดู แมนฯ ยู แพงมาก ฉะนั้น แฟนของแมนฯ ซิตี มีมากกว่า แมนฯ ยูฯ แต่ทั่วโลกแมนฯ ยูฯ มากกว่าเยอะ

พร้อมกันนี้ นายทักษิณ เปิดโอกาสให้มีการถามตอบ โดยนายสุริยันต์ แจ่มแจ้ง อดีตโค้ชสโมสรฟุตบอลศรีสะเกษ ยูไนเต็ด ได้ขอบคุณนายทักษิณ ว่า ขอบคุณนายทักษิณ ที่ทำให้คนอีสานมีตัวตนที่อยู่ในประเทศไทย รัฐบาลของนายทักษิณทำให้คนอีสานลืมตาอ้าปากได้ ตนเป็นตัวแทนขอกราบขอบคุณเป็นอย่างสูง พร้อมถามว่า ทีมฟุตบอลระบบอะคาเดมีมีปัญหาในการพัฒนาเพราะพื้นฐานสำคัญ อยากให้นำประสบการณ์ในสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี ว่ามีบริหารจัดการระบบอะคาเดมีอย่างไร นายทักษิณ กล่าวว่า มีคนหนึ่งเหมือนเป็นโค้ชใหญ่อะคาเดมี เป็นคนใจดี เหมือนเป็นครูใหญ่ในโรงเรียน รับเด็กมาฝึกตั้งแต่ 9 ขวบ มาเข้าค่าย นักเตะดังๆ ก็จบจากอะคาเดมี หลายคน จบแล้วเข้ามาเป็นนักเตะ ก็เริ่มต้นให้เงินเดือนครั้งแรก 5,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ก็เพิ่มเป็น 10,000-20,000 ปอนด์ จนนักเตะมีโอกาสเข้าสู่ทีม ถ้าเราสามารถให้ทีมแต่ละจังหวัดมีอะคาเดมีเป็นของตัวเอง จะทำให้ฝึกเด็กตั้งแต่เล็กๆ ได้ และหาโค้ชมาสอน ถ้าเบสิกดี ก็เหมือนสอนกอล์ฟ สอนแต่เด็กวงสวิงก็สวย มาเรียนตอนแก่ยังไงวงสวิงก็ไม่สวย

ด้าน นายธนกฤต เกตุไชยเลิศ ผู้อำนวยการโรงเรียนกันทรารมณ์ จ.ศรีสะเกษ ถามว่า เด็กโซนอีสานไม่แพ้เด็กกรุงเทพฯ เพียงแต่อุปกรณ์และสนามกีฬาไม่มีความพร้อม แต่เราก็ซ้อมด้วยความมุมานะ หากมีงบประมาณอยากขอให้สนามฟุตบอลเรามีความพร้อมมากกว่านี้ นายทักษิณ กล่าวว่า ปัญหาคือนอกจากศูนย์กีฬา หรืออะคาเดมี ต้องมีวิทยาศาสตร์การกีฬา เดี๋ยวนี้การกีฬาทุกอย่างต้องมีวิทยาศาสตร์ เขาสามารถที่จะให้คำแนะนำที่ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ ทำกายภาพบำบัด และการออกกำลังกาย ต้องมีเครื่องออกกำลังในสถานที่ที่ไม่ใช่แค่ในสนาม เพื่อให้ร่างกายอยู่ตัว และฝึกกล้ามเนื้อแต่ละส่วนให้ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์กีฬา ในอะคาเดมีน่าจะมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย
ทั้งนี้ นายทักษิณ กล่าวอีกว่า มาศรีสะเกษทีไรก็พูดถึงแต่ฟุตบอล เห็นทีมมาเยอะแบบนี้ แปลว่าเอาจริงเอาจัง จะได้ช่วยกันเชียร์ ช่วยกันส่งเสริมต่อไป