เมื่อเวลา 13.44 น. วันที่ 24 ม.ค. 2568 ที่ กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีสื่อทางการของประเทศเมียนมา เผยแพร่บทความที่กล่าวถึงปัญหาอาชญากรรมออนไลน์บริเวณชายแดน ซึ่งได้มีการพาดพิง ว่าประเทศไทยนั้นมีส่วนขายไฟฟ้าให้กับกลุ่มอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ ว่า กรณีการขายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ไปยังประเทศเพื่อนบ้านนั้น จะต้องทำผ่านเซ็นสัญญาซื้อขาย โดยผ่านบริษัทที่ประเทศเพื่อนบ้านเสนอชื่อมา แล้วสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีการตรวจทุกขั้นตอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ขอยืนยันได้ว่าให้ กฟภ. ทำการซื้อขายได้ ซึ่งหากมีการขายไฟฟ้าให้กับประเทศเพื่อนบ้านแล้วทุกอย่างก็จะจบที่กระบวนการตรงนี้ ส่วนเขาจะเอาไปทำอะไรต่อก็เป็นขบวนการของเขา

นายอนุทิน กล่าวย้ำว่า การไฟฟ้าของไทยจะต้องขายให้กับการไฟฟ้าของประเทศนั้นๆ เท่านั้น แต่หากประเทศของเขาจะมีการนำไฟฟ้าไปขายให้กับใครนั้น ก็ถือเป็นสิทธิของเขา เพราะมันเกินอำนาจอธิปไตยของเรา ที่จะไปตรวจสอบ แต่ในตัวสัญญาก็มีการระบุไว้ว่า “จะต้องนำไปใช้ เพื่อสาธารณะประโยชน์เท่านั้น”

เมื่อถามถึง กรณีที่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับ กฟภ. มีการขายไฟฟ้าให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยตรง นายอนุทิน กล่าวว่า จะได้เป็นข่าว มีข่าว แล้วก็จะได้ทำงาน ก็แค่นั้นเอง ท่านชี้แจงกลับมาเราก็ชี้แจงกลับไป ซึ่งก็ได้ตอบไป 3 รอบแล้ว คนที่ไปขายไฟฟ้า ตนยืนยันว่าไม่ใช่ กฟภ. แต่คนที่ขายไฟฟ้า อาจจะเป็นคนที่ซื้อไฟฟ้าจากเรา แล้วนำไปขายต่อ ซึ่งเราไม่ใช่หน้าที่ของตนในการเข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้ และก็ไม่ใช่หน้าที่ของ กฟภ. ที่จะตรวจสอบในการติดตามตรวจสอบเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เพราะเป็นเรื่องของประเทศเพื่อนบ้าน

เมื่อถามย้ำว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทางประเทศไทยยังไม่มีการตรวจสอบที่มาที่ไปของบริษัทคู่สัญญากับการ กฟภ. นายอนุทิน ถามกลับว่า รัฐบาลเมียนมาจะไปตรวจสอบลิงที่ไหนอีกล่ะ รัฐบาลเขายืนยันมาแล้ว ว่ามีการขายไฟฟ้าให้กับบริษัทดังกล่าว ซึ่งเราไม่ได้ไปขายปัจเจกบุคคลหรือบริษัทส่วนบุคคล และบริษัทดังกล่าวก็มีการตรวจสอบมาแล้ว ประเทศเขาก็ต้องทำเหมือนเช่นเดียวกับเรา หากจะทำธุรกิจอะไร ก็ต้องมีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ประวัติยาเสพติด หากถูกต้องตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ ก็จะสามารถทำการขายไฟฟ้าให้ได้ตามข้อตกลงของกระทรวงการต่างประเทศ ได้ทำสัญญาไว้กับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งก็ถือเป็นมติของ ครม. ในเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน หากอยากตรวจสอบก็ตรวจสอบไป 

เมื่อถามถึง ส่วนกรณีที่ นายรังสิมันต์ ระบุว่า สมช. ได้มีการเข้าไปพูดคุย กมธ.ความมั่นคงฯ ยอมรับว่า กิจกรรมการชายแดนเป็นภัยต่อความมั่นคงของไทย ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย มีข้อมูลมายืนยันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไร ขายไฟ มันผ่านรัฐบาลเมียนมา ไม่เกี่ยวกับกระทรวงมหาดไทย เราคือกระทรวงมหาดไทยไม่ใช่กระทรวงมหาดพม่า”.