สมรักษ์ คำสิงห์ หรือ “บาส” เกิดเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2516 เป็นคนบ้านโนนสมบูรณ์ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น เป็นบุตรคนกลาง ในจำนวน 3 คน ของนายแดงและนางประยูร คำสิงห์
“สมรักษ์” ฝึกการชกมวยไทยมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากมีพ่อเป็นนักมวยเก่า ขึ้นชกครั้งแรกขณะอายุได้ 7 ปี จากนั้นตระเวนชกมวยตามงานวัด จากนั้นร่วมค่ายณรงค์ยิม และขึ้นชกมวยไทยในชื่อ “สมรักษ์ ณรงค์ยิม”
ต่อมาเข้ากรุงเทพฯ ได้ไปเรียนที่ โรงเรียนผะดุงศิษย์พิทยา ซึ่งมีชื่อเสียงมากในกีฬามวย สมรักษ์ ชกทั้งมวยไทย และมวยสากลสมัครเล่น
สมรักษ์ ได้ฉายา “พิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญ” เป็นมวยฝีมือ สายตาดี หลบเก่ง ชกฉลาด ร่างกายไม่ค่อยบอบช้ำ
แต่ช่วงท้ายหาคู่ชกไม่ได้ ไม่มีโอกาสได้ชกชิงแชมป์เวทีใหญ่ ต่อมาจึงเข้าสู่เส้นทางมวยสากลสมัครเล่น ค่าตัวสูงสุดที่ได้รับจากการชกมวยไทย อยู่ที่หลักแสนบาท
เมื่อชกสมัครเล่น สมรักษ์ประสบความสำเร็จอย่างดี ได้แชมป์ประเทศไทย เหรียญทองกีฬาแห่งชาติ
ในที่สุดเขาก็ดังไปทั่วประเทศ เมื่อเป็นนักกีฬาไทยคนแรก ที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกจากการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ที่เมืองแอตแลนตา สหรัฐ ปี 1996 แต่ก่อนหน้านั้น สมรักษ์ยังได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 1994 ตามด้วยเหรียญทองเอเชียนเกมส์ อีกครั้งในปี 1998

หลังโด่งดัง สมรักษ์ เข้าสู่วงการบันเทิง เคยแสดงทั้งละคร “นายขนมต้ม” ประกบคู่กับ กุลณัฐ ปรียะวัฒน์ รวมถึงภาพยนตร์อีกมาก รวมถึงรายการทีวี กระทั่งผลงานเพลงก็มี

แต่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในปี 2561 ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศเรื่อง ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ นางเสาวนีย์ คำสิงห์ และนายสมรักษ์ คำสิงห์ เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 กระทั่งปี 2563 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา จึงได้เผยแพร่ประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง ยกเลิกการล้มละลาย
ปี 2564 สมรักษ์ เล่าว่า เคยทำร้านอาหารแล้วเจ๊ง ค่ายมวยก็ด้วย แต่สุดท้ายปิดหมด มีปัญหาเรื่องการผ่อนบ้าน พอไม่ผ่อน ก็โดนยึด แต่ชีวิตก็กลับมาได้เพราะลูก 2 คน ทั้ง “เบสท์ คําสิงห์” ทำช่องยูทูบถ่ายน้องชาย “โบ๊ท คําสิงห์” เตะบอลลงช่องยูทูบ จนมีรายได้หาเงินดูแลครอบครัวมานับแต่นั้น

ปีเดียวกัน สมรักษ์ เป็นข่าวดังอีกครั้ง เมื่อเข้าแจ้งความโดนหลอกให้ลงทุนซื้อลอตเตอรี่ขาย แล้วเบี้ยวเงินสูญกว่า 11 ล้านบาท
สมรักษ์ เคยเข้าสู่เส้นทางการเมือง ลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 11 จ.ขอนแก่น สังกัดพรรคพลังประชารัฐ แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เมื่อปี 2566
กระทั่งปลายปี 2566 ถูกแจ้งความดำเนินคดีพรากผู้เยาว์ เด็กอายุ 17 ปี
ปลายปี ธ.ค. 2567 ครอบครัวสมรักษ์เครียดอีกรอบ เมื่อสมรักษ์ป่วยเส้นเลือดสมองตีบระยะ 2 และยังมีภาวะหัวใจเต้นช้ากว่าปกติ แต่สมรักษ์ได้รับการรักษาทันท่วงทีจนหายป่วย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ม.ค. 67 ศาลชั้นต้น มีคำตัดสิน คดีพรากผู้เยาว์อายุกว่า 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย, ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และกระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยการใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ศาลพิพากษาจำคุกรวม 4 ปี 8 เดือน จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติ 50,000 บาท และผู้เสียหาย 120,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี
นั่นคือชีวิตอันโลดโผนไม่น้อย ของตำนานนักชกไทย สมรักษ์ คำสิงห์