เมื่อปี 2565 มีรายงานการวิจัยที่ตีพิมพ์บนเว็บไซต์ Frontiers in Aging Neuroscience เผยว่า ความเชื่อที่ว่าสมองของมนุษย์จะหยุดทำงานเมื่อเสียชีวิตนั้น ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด 

เมื่อไม่นานมานี้ กลุ่มนักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยทาร์ตู ประเทศเอสโตเนีย ได้ศึกษาสมองของผู้ป่วยโรคลมบ้าหมูแบบเจาะลึก จากการนำทีมของ ดร.ราอูล วิเซนเต พวกเขาใช้อุปกรณ์ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง หรือ EEG ในการรักษาผู้ป่วย และพยายามตรวจจับสัญญาณบอกอาการชักให้ได้ ก่อนที่คนไข้จะชักจริง ๆ

แม้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด คนไข้รายนี้ก็ยังคงเสียชีวิตหลังจากมีอาการหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยยังคงเดินหน้าต่อด้วยการตรวจสอบสมองคนไข้ที่กำลังเสียชีวิต ซึ่งอาจนับได้ว่าเป็นครั้งแรกของวงการวิจัย

“เราได้วัดกิจกรรมของสมองเป็นเวลา 900 วินาที ในช่วงเวลาใกล้เสียชีวิต และตั้งเป้าหมายเฉพาะเพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วง 30 วินาทีก่อนและหลังที่หัวใจหยุดเต้น” ดร.อัจมัล เซมมาร์ ศัลยแพทย์ระบบประสาทจากมหาวิทยาลัยหลุยส์วิลล์ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นผู้จัดการวิจัยครั้งนี้กล่าว

พวกเขาพบว่า ช่วงก่อนและหลังหัวใจหยุดเต้น มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบคลื่นสมอง โดยเฉพาะคลื่นแกมมา รวมถึงคลื่นสมองเดลตา เธตา อัลฟา และเบตา 

นอกจากนี้ พวกเขายังสามารถยืนยันได้ว่า รูปแบบคลื่นสมองในช่วงเวลาที่คนไข้เสียชีวิตนั้น คล้ายคลึงกับรูปแบบคลื่นที่เกิดขึ้นในขณะหลับฝัน นึกย้อนถึงความทรงจำ และระหว่างนั่งสมาธิ ซึ่งอาจเป็นคำอธิบายที่เป็นไปได้ว่า เหตุใดผู้คนจึงมักนึกถึงภาพชีวิตที่ผ่านมาได้อย่างชัดเจนเมื่อใกล้จะเสียชีวิต

เป็นไปได้ว่า คำพูดเก่า ๆ ที่บอกว่า “ภาพชีวิตแวบผ่านตา” เมื่อคนเราใกล้ตาย อาจมีบางส่วนที่เป็นเรื่องจริง

คลื่นสมองของมนุษย์นั้น คือรูปแบบกิจกรรมในสมอง ซึ่งมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แกว่งขึ้นลงตามจังหวะเฉพาะ เกิดจากการสั่งการของสารจากระบบประสาทในสมอง แบ่งเป็นหลายชนิด เช่น คลื่นแกมมา จะเกิดขึ้นเมื่อร่างกายกำลังอยู่ในสภาวะจดจ่อ มีสมาธิ กำลังฝันระหว่างหลับหรือขณะที่กำลังนึกถึงความทรงจำและข้อมูลในอดีต

ดร.เซมมาร์ กล่าวเสริมว่า เมื่อมีการสร้างคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการย้อนกลับไปสู่ความทรงจำในอดีต อาจทำให้สมองนึกถึงเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในชีวิตเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เราจะตาย ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยมีผู้รายงานว่าเกิดขึ้นกับคนที่อยู่ในภาวะเฉียดตาย

เซมมาร์ กล่าวว่า การค้นพบเหล่านี้ ท้าทายความเข้าใจของเราว่า ชีวิตสิ้นสุดลงเมื่อใดกันแน่ และก่อให้เกิดคำถามสำคัญตามมา เช่น คำถามเรื่องเวลาที่สมควรในการบริจาคอวัยวะของผู้ตาย 

“สิ่งที่เราอาจเรียนรู้ได้จากการวิจัยนี้คือ แม้ว่าคนที่เรารักจะหลับตาลงแล้ว และพร้อมที่จะจากเราไปเพื่อพักผ่อนชั่วนิรันดร์ แต่สมองของพวกเขาอาจกำลังนึกถึงช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตของพวกเขาอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ดร.เซมมาร์ ทิ้งท้าย

ที่มา : ladbible.com

เครดิตภาพ : Tung Lam from Pixabay