สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ว่า องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) และองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (ดับเบิลยูเอ็มโอ) ยื่นคำร้องเพื่อยกระดับความพยายามในการรักษาธารน้ำแข็ง 275,000 แห่งของโลก ซึ่งกำลังละลายอย่างรวดเร็วเนื่องจากโลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น
ทั้งนี้ หน่วยงานทั้งสองแห่งของยูเอ็น ชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของมวลน้ำแข็งขนาดยักษ์เหล่านี้ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดสำหรับผู้คนมากกว่า 2,000 ล้านคนทั่วโลก
Glaciers are melting faster than ever. Urgent action is need to save our frozen water resources.
— UN-Water (@UN_Water) January 20, 2025
????️ The International Year of Glacier Preservation 2025 kicks off on 21 Jan 2025 at WMO HQ, Geneva!
????️ Join in! https://t.co/Hh6Xt38s27#WorldWaterDay #Glaciers2025 pic.twitter.com/rpXOgJsVAS
“การอนุรักษ์ธารน้ำแข็งมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ เศรษฐกิจ และสุขภาพของโลก ซึ่งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเร่งด่วนและยั่งยืน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง” นางโค บาร์เรตต์ รองเลขาธิการดับเบิลยูเอ็มโอ กล่าวในการประชุมที่เมืองเจนีวา “แต่น่าเสียดายที่เรากำลังมุ่งหน้าไปผิดทาง เนื่องจากระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ที่กักเก็บความร้อน ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
ปัจจุบัน ธารน้ำแข็งของโลกครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 700,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งหน่วยงานของยูเอ็นระบุว่า ธารน้ำแข็งและพืดน้ำแข็ง ล้วนมีบทบาทสำคัญในการควบคุมสภาพอากาศโลก และกักเก็บน้ำจืดของโลกประมาณ 70% ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชากรหลายพันล้านคน
อนึ่ง ที่ประชุมของยูเอ็น ประกาศให้ปี 2568 เป็นปีอนุรักษ์ธารน้ำแข็งสากล โดยความเคลื่อนไหวข้างต้นเกิดขึ้นหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศว่า สหรัฐจะถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีส ฉบับปี 2558 ซึ่งนักวิจารณ์หลายคนเตือนว่าเป็นการบั่นทอนความร่วมมือระดับโลก ในการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และอาจทำให้ผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ เช่น จีน และอินเดีย ผ่อนปรนพันธกรณีของตนเอง.
เครดิตภาพ : AFP