เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 ม.ค. 68 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ทั้งนี้ก่อนเข้าระเบียบวาระประชุม ได้ให้ สส. หารือถึงปัญหาต่างๆ โดยนายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ปัจจุบันประชาชนที่เลี้ยงวัวตามหมู่บ้าน หรือในครัวเรือน ไม่เฉพาะใน จ.ศรีสะเกษ แต่รวมถึงพื้นที่ทั่วประเทศ กำลังเผชิญกับความเดือดร้อน เนื่องจากก่อนหน้านี้ที่มีวิกฤติโควิด-19 ประชาชนสามารถขายวัวได้ตัวละ 28,000 บาท เมื่อมีโควิด-19 ประเทศจีนปิดประเทศ เราไม่สามารถส่งวัวไปขายประเทศจีนได้ ราคาวัวก็ตกต่ำเหลือตัวละ 10,000 กว่าบาท แต่วันนี้โควิด-19 หมดไปแล้วหลายปี วัวกลับไม่มีราคา สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก

นายอาสพลธ์ กล่าวต่อว่า การเลี้ยงวัวในครัวเรือนถือว่าเป็นรายได้เสริมของพี่น้องชาวนา พี่น้องที่ทำการเกษตร เมื่อไหร่ก็ตามที่ลูก หลานต้องใช้เงินไปเรียน เขาก็จะเอาวัวไปขาย เพื่อเอาเงินจากการขายวัวนี้ให้ลูกหลานไปเรียน ให้ลูกหลานไปซื้อสิ่งของต่างๆ แต่วันนี้ ไม่สามารถขายวัวได้ เนื่องจากไม่มีคนซื้อ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า วัวไม่มีราคา แต่พวกเราในฐานะผู้บริโภค ไปซื้อเนื้อวัวตามตลาดสดต่างๆ ราคาเนื้อวัวแพง แต่วัวเป็นๆ กลับไม่มีราคา

“ผมก็ไม่ทราบว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร ที่ผ่านมาก็ได้เชิญตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ มาสอบถาม ทางกระทรวงพาณิชย์ก็บอกว่า ไม่สามารถส่งวัวไปขายต่างประเทศได้ เนื่องจากในประเทศไทยติดโรคระบาด ไม่ว่าโรคลัมปีสกิน หรือโรคปากเท้าเปื่อย และเมื่อสอบถามไปยังกรมปศุสัตว์ ว่าทำไมไม่แก้ไขปัญหา ทางกรมปศุสัตว์ก็บอกว่า ไม่มีเงินซื้อวัคซีน โยนกันไปโยนกันมา แถมปัจจุบันยังมีวัวเพื่อนบ้านลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทยอีก“ นายอาสพลธ์ กล่าว

นายอาสพลธ์ กล่าวต่อว่า ตนขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ช่วยบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือแม้กระทั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้ด้วย เพราะปัญหานี้ไม่ใช่เกิดเฉพาะ จ.ศรีสะเกษ แต่เพื่อน สส. ข้างๆ ตน นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน สส.กาญจนบุรี ก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน