​“ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์” รายงานว่า วันนี้ (21 ม.ค.2568) เพจเฟซบุ๊ก กรมการขนส่งทางราง(ขร.) โพสต์แจ้งว่า ระหว่างวันที่ 19-21 ม.ค. นายอธิภู จิตรานุเคราะห์ รองอธิบดีขร. ได้เข้าร่วมลงพื้นที่ติดตามโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีด) กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ช่วงสถานีอยุธยา และประชุมหารือร่วมกับคณะผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรที่ปรึกษาของคณะกรรมการมรดกโลก ประกอบด้วย Mr. Gamini Wijesuriya ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์นานาชาติเพื่อการศึกษาการสงวนรักษาและการบูรณะมรดกทางวัฒนธรรม (ICCROM) และ Mr. Michael Pearson ผู้เชี่ยวชาญจากสภาการโบราณสถานระหว่างประเทศ (ICOMOS) พร้อมผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) กรมศิลปากร (ศก.) สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา​

เนื่องจากศูนย์มรดกโลก องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization : UNESCO) ได้แสดงข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อพื้นที่มรดกโลกนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จากโครงการก่อสร้างสถานีรถไฟความเร็วสูงสถานีอยุธยา ทางรฟท.ได้จัดทำรายงานการประเมินผลกระทบต่อแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม (Heritage Impact Assessment : HIA) นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา นำเสนอให้พิจารณากระทั่งผู้เชี่ยวชาญได้ลงพื้นที่ในครั้งนี้ ​ ผลการลงพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของฝ่ายไทย และผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์มรดกโลกได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตร และมีข้อเสนอแนะเบื้องต้นจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพื้นที่มรดกโลก 3 ประเด็น​

1.ประเด็นเกี่ยวกับสถานีรถไฟความเร็วสูงอยุธยา ผู้เชี่ยวชาญเสนอให้พิจารณาปรับลดความสูงของยอดหลังคาสถานีโดยลดความลาดชันของหลังคา รวมถึงควรสงวนพื้นที่ของสถานีรถไฟเดิมตามแผนของ รฟท. และไม่ควรมีโครงสร้างอื่นมาคลุมพื้นที่ โดยทาง รฟท. แจ้งว่าสามารถปรับลดความสูงของสถานี ปรับเปลี่ยนวัสดุหลังคาให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม และสงวนพื้นที่สถานีเดิมไว้ตามข้อเสนอแนะ

​ 2.ประเด็นการพัฒนาพื้นที่รอบสถานี ผู้เชี่ยวชาญมีความกังวลว่าการพัฒนาอาคารสูงรอบสถานี จะนำมาซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นตามมาด้วย และอาจส่งผลกระทบต่อทัศนียภาพของพื้นที่เกาะเมืองอยุธยา โดยเจ้าหน้าที่โยธาธิการจังหวัดชี้แจงว่าสามารถปรับผังเมืองใหม่ให้มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้นได้เพื่อป้องกันผลกระทบ ​

3. ประเด็นการจัดการน้ำรอบพื้นที่อนุรักษ์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้พัฒนาโครงข่ายคูคลองให้สามารถระบายน้ำได้ดีขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) รายงานว่าได้มีการศึกษาผลกระทบด้านนี้ไว้แล้ว​ “ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์” ได้ขอสัมภาษณ์ นายอธิภู ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในประเด็นเกี่ยวกับสถานีอยุธยานั้น ผู้เชียวชาญขอให้ลดความสูงของปลายหลังคาลง จากเดิมสูงจากพื้นประมาณ 35 เมตร แต่ไม่ได้ระบุจำนวนที่ลดลง ซึ่งรฟท.ชี้แจงว่าสามารถลดความสูงลงได้อีก ขณะที่โครงสร้างทางวิ่งเดิมสูง 19 เมตร ลดเหลือ 17 เมตรอยู่แล้ว ส่วนการพัฒนาพื้นที่ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคบบคุมความสูงห้ามเกิน 30 เมตรหรือประมาณตึก9 ชั้นตามที่กำหนดไว้แล้วอย่างเคร่งครัด รวมทั้งกำชับเรื่องการระบายน้ำ

ขณะนี้ได้ลงพื้นที่เสร็จสิ้นแล้ว ในวันที่ 22 ม.ค.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนัดประชุมสรุปรายละเอียดทั้งหมดร่วมกันเพื่อจัดทำเป็นรายงานนำเสนอผู้เกี่ยวข้องเพื่อเดินหน้าตามขั้นตอนอื่นๆต่อไป​

“ทีมข่าวนวัตกรรมขนส่งเดลินิวส์” รายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรฟท.ให้สัมภาษณ์ว่า รฟท. จะลงนามสัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กม. กับบริษัท บุญชัยพาณิชย์(1979) จำกัด วงเงิน 10,325 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างทางวิ่งและสถานีอยุธยาภายหลังผู้เชี่ยวชาญฯจากยูเนสโกลงพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยาเรียบร้อยแล้ว