เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 68 ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล อ.แก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเมื่อวานนี้ (20 ม.ค. 68) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีการกล่าวถึง อดีตคณะกรรมการคตส. โดยระบุว่า เป็นบุคคลที่ทำให้ตนต้องถูกยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาท ว่า เรื่องดังกล่าว ตัดสินโดยคำพิพากษา ของผู้พิพากษาทั้ง 9 คน ของศาลฎีกา และนายทักษิณได้รับโอกาสให้ต่อสู้คดีทุกอย่างเต็มที่ตามมาตรฐานทุกอย่าง ซึ่งได้รับความยุติธรรมเต็มที่แล้ว
อ.แก้วสรร กล่าวอีกว่า ส่วนกรรมการ คตส. ที่ตนอยู่ด้วยนั้น มีขึ้นมาเพราะการดำเนินคดีปราบคอร์รัปชั่นเริ่มช้า ยืดยาด และมีขึ้นมาเพื่อให้เหมือนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิเศษ ให้เวลา 1 ปี ทำงานส่งศาล ยืนยัน ทำตามมาตรฐานทุกอย่าง ส่วนคดียึดทรัพย์ นายทักษิณ ชนะกันเสียงเดียว ส่วนบางคดีตนก็ลงมติว่า นายทักษิณนั้นไม่ผิด ตนทำตามเนื้อผ้าทุกอย่าง ไม่ได้นึกว่าจะต้องล้างบางหรืออะไร ทำตามมาตฐาน ให้ความยุติธรรมทุกระดับ ส่วนที่นายทักษิณ ไปถวายคำร้องว่าเคารพในกระบวนการยุติธรรมสำนึกผิดแล้วนั้น แต่ขณะนี้ นายทักษิณ พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย มั่วไปหมด
อ.แก้วสรร กล่าวต่อว่า กรณีที่นายทักษิณบอกว่ารวยมาก่อนที่จะเล่นการเมือง และมายึดทรัพย์ตอนยังไม่รวยนั้น ส่วนนี้ต้องเรียนให้ทราบว่าต้องเป็นที่เข้าใจให้ชัดเจนก่อน ว่าความผิดฐานรวยโดยมิชอบ มี 2 อย่างด้วยกัน ประกอบด้วย 1.รวยมากและไม่สามารถอธิบายได้ ซึ่งเรียกว่า รวยผิดปกติ 2.ร่ำรวยโดยสืบเนื่องจากตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งนายทักษิณ โดนข้อหลัง ส่วนความรวยที่โดนยึดทรัพย์ มันเฉพาะกำไรที่ได้จากการขายหุ้นกลุ่มบริษัท ชินคอร์ป ในวันที่ 23 ม.ค. 2549 ระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกฯ สมัยที่ 2 ของนายทักษิณ 46,000 ล้านบาท ส่วนรวยอย่างอื่น ยังรวยอีกหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งเราไม่ได้ยุ่ง และไม่ไปแตะ เรามองแต่เพียงว่า มูลค่าหุ้นชินคอร์ป ในระยะเวลา 6 ปี ขึ้นมาได้ เนื่องจากมีการใช้อำนาจหน้าที่ไปเอื้อประโยชน์
อ.แก้วสรร กล่าวอีกว่า จนกระทั่งมูลค่ามันสูงขึ้นๆ จากนั้นใช้อำนาจในฐานะเป็นพรรครัฐบาล ออกกฎหมายยกเพดานให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 49 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าทั้งหมด กำไรที่เกินมา 4 หมื่นกว่า ถือว่า นายทักษิณ ได้มาโดยสืบเนื่องจากหน้าที่โดยไม่ถูกต้อง หลังจากยึดทรัพย์ เงินนายทักษิณยังเหลืออีกเยอะ ไม่เช่นนั้นจะไปซื้อทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ซิตี ได้อย่างไร ส่วนหุ้นชินคอร์ปนั้นมีมาก่อน ศาลก็เมตตายึดเฉพาะกำไรเท่านั้น ฉะนั้นอย่าสับปลับ ส่วนที่นายทักษิณ ใช้คำพูดว่า รวยกว่าพ่อหรืออะไรก็เชิญว่าไป
เมื่อถามต่อว่ามีความเห็นอย่างไร กรณีที่ นายทักษิณ ระบุว่า มีการตั้งคณะกรรมการเฮงซวยมาสอบนั้น อ.แก้วสรร กล่าวว่า ก็พูดกันไป เพราะนายทักษิณต้องการเครดิต แต่นายทักษิณก็ไม่ได้บอกว่ามันเฮงซวยตรงไหน ทำอะไรผิดหรือไม่ ไปใส่ร้ายเขาอย่างไร มันเป็นหลักฐานต่อเอกสารทั้งนั้น
เมื่อถามย้ำว่ายังคงยืนยันว่าคณะกรรมการ คตส. ปฏิบัติงานถูกต้องตามกฎหมายใช่หรือไม่ อ.แก้วสรร กล่าวว่า ยืนยัน ผลที่ออกมาของศาล มี 9 เสียงที่ได้ทำการตัดสิน มั่นใจว่า ทำงานถูกต้องตามความเป็นจริง ผู้พิพากษาศาลฎีกาทั้ง 9 คน เห็นพร้อมกันหมด ตนจะไปปั้นแต่งอะไรได้ ดังนั้น
“นายทักษิณ อย่าบิดเบือน รู้จักความซื่อตรงซะบ้าง พูดจาอะไรให้มันน่าเชื่อถือ และรู้จักสุภาพเสียบ้าง” อ.แก้วสรร กล่าว