ดูแล้วเรื่องราวนี้จะไม่จบลงง่ายๆ สำหรับดราม่ามหากาพย์ดราม่าโลก 2 ใบของหนุ่ม แสตมป์ อภิวัชร์ ที่ได้ออกมายอมรับชัดๆ ผ่านรายการดัง ว่านอกใจภรรยาจริงๆ ขอโทษที่พูดไม่หมด จนหลายคนที่ได้ฟังคลิปเกิดความเข้าใจผิด ว่าสาวที่เป็นชู้คือซาแซงที่ตามคุกคามชีวิตของเขากับภรรยาจนเกิดความไม่สงบสุข แต่ด้านคู่กรณีอย่าง แก๊ป ซาวด์เอ็นจีเนียร์ และหวานใจ แจม ได้ออกมายืนยันชัดเจนว่าไม่เคยคบกับแสตมป์ ในขณะที่แสตมป์ยืนยันว่าคบ ตลอดจนเรื่องต่างๆ ที่สังคมสงสัย ซึ่งประเด็นที่คนสนใจมากที่สุดน่าจะหนีไม่พ้นที่หนุ่มแสตมป์เล่าว่ากลัวติดคุกคดี ม.112 ทำให้ต้องออกมาพูดถึงคุณพ่อของสาวแจม ว่ามีการพูดข่มขู่ว่าจะยัดคดีให้ โดยมีหลายคนที่ได้รับผลกระทบต่อเรื่องนี้ ทั้งทางค่าย GeneLab และวง Tilly Birds ที่โดนทัวร์ลง เนื่องจากถูกมองว่าเทคแอ๊คชั่นต่อเรื่องนี้ช้า และเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือเปล่านั้น
ล่าสุด โอม Cocktail ได้เป็นตัวแทนของค่าย ออกมาชี้แจงถึงมุมมองของคนกลาง ที่ได้รับสารจากทั้งสองฝ่าย และเรื่องราวทั้งหมดว่า
“ค่ายและ Tilly Birdได้รับแจ้งจากแสตมป์ ถึงต้นเหตุการผิดใจกันของทั้งสองฝ่าย เนื่องจากปัญหาเรื่องชู้สาว การทะเลาะวิวาทพูดพาดพิงกันในทางเสียหาย ทางด้านแสตมป์ขอไว้ว่า ให้ทางค่ายพูดคุยกับคู่กรณี (แก๊ป) ซึ่งได้มีการรับเรื่องไว้ แต่แจ้งกลับแสตมป์ไปว่า คู่กรณีของแสตมป์ไม่ใช่คนของทางค่าย แต่เป็นบุคลากรของวง Tilly Birds ค่ายจึงไม่มีอำนาจโดยตรง แต่จะสอบถามให้ ต่อมาได้มีการสอบถามเรื่องราวจากทาง sound engineer ของวง (แก๊ป) และแฟน พบว่าเรื่องราวขัดแย้งจากสิ่งที่แสตมป์เล่า แต่เนื่องจากทั้งสองฝ่ายไม่มีหลักฐาน จึงได้ตักเตือนว่า ห้ามวง Tilly Birds เข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องส่วนตัว ให้เขาจัดการด้วยตนเอง ไม่ให้ถือข้าง เพราะเรื่องส่วนตัว ความรัก ครอบครัว เป็นเรื่องละเอียดอ่อน”
“จากนั้นได้ติดต่อแสตมป์ และแนะนำไปว่าควรนำเรื่องราวเข้าสู่กระบวนการของศาล แสตมป์มีความกำลังวลว่าคู่กรณีจะใช้โอกาสนี้ในการพูดให้ร้ายภรรยา (นิว) ด้านโอมจึงได้รับรองว่าจะกำกับดูแลไม่ให้มีการพูดถึงกันในระหว่างที่มีการพิพาทกันในชั้นศาล โดยรายละเอียดในการพิจารณาคดีหรือพิพาทใดๆ หลังจากนี้ ทางค่ายไม่ทราบอีก กระทั่งแสตมป์ได้มาแจ้งว่า ตนเองชนะและได้รับค่าเสียหายในคดีฟ้องชู้ ศาลสั่งไม่ให้ทั้งสองฝ่ายพูดถึงกันในทางเสียหาย สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า คำกล่าวอ้างเรื่องชู้ที่แสตมป์บอกมาเป็นเรื่องจริง ขอให้แจ้งเรื่องนี้กับวง Tilly Birds เพื่อจะได้จัดการปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับคดีคุกคามไม่ได้ถูกกล่าวถึง และมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับการห้ามเข้าใกล้”
“เมื่อแจ้งให้กับ Tilly Birds ปรากฏว่าทาง sound engineer และแฟน ยืนยันว่าไม่ได้แพ้คดี แต่ยอมความเพียงเพื่อให้เรื่องจบ และไม่ได้เป็นชู้ โอมได้แนะนำแสตมป์ว่าให้หลีกเลี่ยงการใช้คำว่าชนะคดี แต่ให้เลือกใช้คำว่าคดีจบลงโดยการประนีประนอมยอมความ โดยฝ่ายจำเลยยอมชำระค่าเสียหาย เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายไม่สามารถนำเอาข้อดังกล่าวมาโต้แย้งแสตมป์ได้ ในขณะนั้นทางค่ายตระหนักได้ว่า ไม่สมควรเข้าไปก้าวล่วง และในเมื่อมีคำสั่งศาลให้ทั้งสองฝ่ายไม่พูดถึงกันอีก จึงคิดว่าทั้งสองฝ่ายจะต้องต่างคนต่างอยู่ และกำชับกับ Tilly Birds ว่าไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว ซึ่งทางฝ่าย sound Engineer ได้ให้คำมั่นว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไป”
“ต่อมาทางค่ายได้ยินว่าแสตมป์มีความไม่สบายใจที่ต้องพบเจอ sound engineer ตามงานต่างๆ แสตมป์ได้บอกเล่าเรื่องราวชู้สาวของตนเอง และได้ติดต่อมาผ่านผู้ใหญ่ในวงการว่า มีความไม่สบายใจที่พบเจอแฟนของ sound engineer ในงาน monster music festival ซึ่งได้เข้ามาช่วยงานที่บูธของศิลปิน เป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่ให้บุคคลดังกล่าวเข้ามาทำงาน โอมยอมรับว่าเพิกเฉยต่อคำขอ เนื่องจากมองว่าไม่สามารถใช้ความไม่สบายใจส่วนบุคคล ไปจำกัดสิทธิของ Tilly Birds ในการเลือกคนที่จะมาช่วยงาน แต่ไม่ทราบมาก่อนว่านอกจากความไม่สบายใจแล้ว ยังมีเรื่องพิพาทของสองฝ่ายที่ยังดำเนินอยู่ ประกอบกับไม่ได้รับรายงาน หรือพยานหลักฐานใดๆ เพิ่มเติมเลยว่ามีการพิพาทระหว่างสองฝ่ายเกิดขึ้นภายหลัง”


สาเหตุที่ค่ายเทคแอ๊คชั่นช้า “หลังจากแสตมป์พูดบนเวทีงานคอนเสิร์ต และเป็นประเด็นจนมีข้อเท็จจริงจำนวนมากได้เปลี่ยนแปลงไปจากที่เข้าใจ กลายเป็นข้อถกเถียงลุกลามจนความเสียหายลามมาถึงค่ายและ tilly birds ด้วยข้อมูลจำนวนมากที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ จึงไม่สามารถพิสูจน์ได้ เป็นการยากที่จะมีความเห็นใดๆ จากค่าย ประเด็นเรื่องคุกคามกลายเป็นประเด็นใหม่ ประกอบกับช่วงเวลาที่แสตมป์กล่าวอ้างว่ามีการคุกคามในลักษณะซาแซงบนเวทีนั้น ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพราะว่าแสตมป์กับแฟนของซาวด์เอ็นจิเนียร์ อาจมีพฤติกรรมคบหากันอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าว คำกล่าวอ้างแสตมป์จึงกลายเป็นพยานบุคคลที่มีน้ำหนักน้อยในเวลานั้น เป็นผลให้ทางค่ายไม่เทคแอ๊คชั่นใดๆ ในเบื้องต้น เพราะยังไม่อาจเข้าใจเจตนาของแสตมป์ได้เลย มองว่าเรื่องที่แสตมป์พูดบนเวทีมีโอกาสจะเป็นเรื่องที่บิดเบือน ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้”
ในส่วนของการข่มขู่ยัดคดีทางการเมือง ได้ชี้แจงว่า “ในส่วนของประเด็นข่มขู่ของตัว sound engineer นั้น แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้เป็นคนยื่นฟ้อง แต่เจ้าตัวก็ยืนยันด้วยตนเองว่า ทนายฝั่งแฟนสาวของตนได้มีการหยิบเอาประเด็นนี้มาใช้ ซึ่งก่อนหน้านี้ sound engineerไม่เคยชี้แจงรายละเอียดต่อวงหรือค่าย เท่ากับว่าสิ่งที่พี่แสตมป์พูดบนเวทีในข้อนี้ เป็นเรื่องจริงว่า การกระทำดังกล่าวส่งผลให้ความสามารถในการต่อสู้คดีของแสตมป์ในคดีที่พิพาทกันและคดีอื่นลดลงอย่างมาก เป็นเหตุให้ไม่ได้รับความยุติธรรม ซึ่งทางเราทั้งหมดไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุน”
หลังจากหนุ่มโอม โพสต์ข้อความดังกล่าวไปนั้น แสตมป์ อภิวัชร์ ได้แชร์โพสต์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า “แถลงสรุปข้อเท็จจริงโดย GeneLab ที่ได้รับการรับรองแล้วจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมถึงผมครับ”


ขอบคุณภสประกอบจาก:Stamp,OHM Cocktail