เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรุงเทพฯ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมด้วยนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล และสาวงามจากเวทีกองประกวด MISS GRAND THAILAND 2025 ทั้ง 77 จังหวัด พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ หรือ อาจารย์หมอธวัชชัย อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ร่วมกันเดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้ดีเอสไอตรวจสอบการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม เพื่อคืนความยุติธรรมอย่างโปร่งใส และขอให้รับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากพบข้อพิรุธและเงื่อนงำการเสียชีวิต โดยมี นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เป็นผู้รับเรื่องและตอบข้อซักถาม
โดยนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เนื่องด้วยคดีอุบัติเหตุของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เป็นที่สนใจจากคนไทยทั้งประเทศ ด้วยข้อสงสัยที่เกิดขึ้นไม่สอดคล้องกับคำให้การ รวมถึงหลักฐานที่ปรากฏ และพฤติกรรมของคนที่ปราศจากหลักฐาน แล้วอ้างสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ และการให้รายละเอียดเปลี่ยนแปลงไปมาตลอดเวลา รวมถึงสภาพศพและข้อสงสัย ข้อพิรุธ ยังไม่ได้อยู่ในสำนวน รวมถึงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากผู้เชี่ยวชาญหลายคนถูกตัดออกจากการเป็นพยาน นอกจากนี้ สาเหตุที่ต้องสงสัยและตั้งข้อสังเกตอีกมากมาย จึงทำให้ผลการสำรวจว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆาตกรรมจากหลายสถาบันที่ได้ทำโพลสำรวจ ผลไม่ต่ำกว่า 99% จากทุกการสำรวจนั้น เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมอำพราง

นายณวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในสังคมไทยต้องยอมรับว่าการใช้เส้นสายการใช้อำนาจ ยศถาบารมีของข้าราชการ รวมถึงการใช้เงินเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง ยังคงมีปรากฏอยู่เป็นระยะ ซึ่งในกรณีนี้ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชนทุกกลุ่มว่า อาจมีสิทธิในการใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือได้ วันนี้ตนจึงเดินทางมาพบรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และอธิบดีดีเอสไอ ให้ดีเอสไอรับไว้เพื่อสอบสวนอีกครั้งเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้สังคมไทยได้ข้อสรุปที่แท้จริง นอกจากจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตแล้ว ส่วนสำคัญการมายื่นร้องขอในครั้งนี้เพื่อแสดงถึงความเป็นมาตรฐานของการใช้กฎหมายในประเทศไทย รวมถึงความโปร่งใสในวงการตำรวจ เพื่อความศักดิ์สิทธิ์และสร้างความมั่นใจของประชาชน ในปัจจุบันและอนาคต
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทางบอสณวัฒน์ ได้มีการเปิดรูปภาพของแตงโมที่มีลักษณะถูกไพล่หลังให้ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ดู โดยย้ำว่าเป็นภาพเหมือนแตงโมถูกมัดมือไพล่หลัง และแย้มว่า ยังมีอีกหลายรูปที่มีร่องรอยฟกช้ำดำเขียวประมาณ 20 ภาพ ขอให้ดีเอสไอรับไปดูด้วย

ต่อมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางมาถึงห้องประชุม และกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรมเรามีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่ดูแลเรื่องซับซ้อนในคดีอาญาแต่ต้องอยู่ในเงื่อนไข โดยคดีนี้นั้นเดิมทีตำรวจเป็นผู้สอบสวนและปัจจุบันคดีอยู่ในชั้นศาล ถ้าหากจะมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาจะต้องมีการใช้ พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ. 2526 และคดีต้องเป็นคดีเด็ดขาดแล้ว ส่วนหากเป็นคดีระหว่างพิจารณาของศาล ถ้ามีประเด็นสำคัญใดก็จะอยู่ในอำนาจของอัยการ หรือมีการกล่าวหา หรือยืนยันตัวบุคคลที่ไม่ได้อยู่สำนวนมาก่อน หรือมีการกล่าวหาใหม่ ก็จะมีอำนาจสอบสวนได้
อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียนว่าคดีนี้เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ อีกทั้งกระบวนการยุติธรรม ทั้งอัยการและศาล ก็ได้มีการดำเนินการอยู่ ซึ่งเท่าที่ตนรับฟัง หน้าที่ของดีเอสไอ คือ ตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือถ้ามีความจำเป็นก็ต้องตั้งเลขสืบสวนคดีพิเศษ และเมื่อแสวงหาข้อเท็จจริง พบข้อเท็จจริง มีการกระทำผิดเกิดขึ้น จึงจะมีการรับเป็นการสอบสวนคดีพิเศษ ทั้งนี้ในคดีที่มีผู้เสียชีวิต มี 3 หลัก ประกอบด้วย หลักที่ 1 หลักเทคนิคในการสืบสวนสอบสวน ขึ้นอยู่กับผู้รวบรวมหลักฐาน 2.หลักการตรวจพิสูจน์ และ 3.หลักโดยชอบด้วยกฎหมาย ในการตรวจพิสูจน์เคสแบบนี้ ถ้าดีเอสไอจะตรวจสอบก็อยากให้มีผู้เชี่ยวชาญที่ขึ้นบัญชีไว้กับศาล ซึ่งจะมีแพทย์นิติเวชบ้าง จะช่วยเป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบ พร้อมย้ำว่าเรื่องนี้ไม่มีใครเสียหน้า เป็นเรื่องที่ประชาชนสนใจ และหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรม คือ ต้องทำความจริงให้ปรากฏ

พ.ต.อ.ทวี เผยอีกว่า เรื่องนี้มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ แต่อย่างไรก็ต้องให้อยู่บนพยานหลักฐาน ซึ่งมีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ แต่ในกฎหมายไทย มีพยานผู้เชี่ยวชาญด้วย ซึ่งเราก็ต้องพึ่งตรงส่วนนี้ อย่างไรก็ตาม ภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ จะรับเรื่องนี้ไว้เป็นคดีพิเศษหรือไม่ หลักการคือต้องทำให้รวดเร็ว จึงขอให้ดีเอสไอได้ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงสักระยะหนึ่งก่อน เพื่อออกเลขสืบสวน และเมื่อมีเลขแล้วก็จะทำให้เราสามารถประสานงานได้มากขึ้น ทั้งนี้ กรณีการจะรับไว้เป็นคดีพิเศษ หรือเพื่อสอบสวนใหม่นั้น ถ้ามีคนกระทำผิดใหม่ อันนี้สอบสวนได้ แต่ต้องมีการกล่าวหา พร้อมยืนยันว่า หลักการสอบสวนอยู่ที่พยานหลักฐาน เจ้าพนักงานต้องมีความกล้าหาญ ไม่มีอคติ หากพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงใครก็ทำตามพยานหลักฐาน.