‘สมุนไพรไทย’ มรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาอันล้ำค่าของชาติ ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลถึงสรรพคุณทางยาและความปลอดภัยมาอย่างยาวนาน การนำสมุนไพรไทยไปสู่ตลาดโลกจึงนับเป็นโอกาสอันดีในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ อีกทั้งยังเป็นการเผยแพร่ชื่อเสียงของสมุนไพรไทยให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้นในระดับนานาชาติ

อย่างไรก็ตาม การจะประสบความสำเร็จในการแข่งขันในตลาดโลกนั้น สมุนไพรไทยต้องผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล มีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยสูง ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดโลกที่หลากหลายและมีการแข่งขันสูง

ดังที่ ‘บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก (ประเทศไทย) จำกัด’ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามจากสมุนไพรไทยชั้นนำ ภายใต้แบรนด์ ชีววิถี, Sense และ Sens’e ได้ประกาศเป้าหมายทางธุรกิจที่น่าจับตามอง โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 270 ล้านบาทในปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยมุ่งเน้นไปที่การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการสร้างโอกาสให้กับชุมชนท้องถิ่น ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถีท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาทักษะอาชีพที่หลากหลายให้แก่ชุมชน เพื่อสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

‘อรประภา พรมรังฤทธิ์’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซนต์ บิวตี้ คอสเมติก จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนการขยายความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา กลุ่มชุมชน และหน่วยงานราชการทั่วประเทศ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยมีศูนย์การเรียนรู้สวนสมุนไพรชีววิถี เป็นศูนย์กลางในการดำเนินกิจกรรมเหล่านี้ เพื่อเป็นการให้ความสำคัญกับการตอบแทนสังคม โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปเข้าเยี่ยมชมศูนย์ฯ เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง การใช้ประโยชน์จากสมุนไพรเพื่อสุขภาพ และทักษะอาชีพที่หลากหลาย อาทิ การทำเครื่องดื่มสมุนไพร เบเกอรี่และขนมไทย งานมัดย้อม eco print ธาตุเจ้าเรือน การแต่งหน้าพัฒนาบุคลิกภาพ และการใช้เครื่องมือออนไลน์เพื่อส่งเสริมการขาย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ในปี 2567 ศูนย์การเรียนรู้ของเราได้รับความสนใจจากผู้เยี่ยมชมทั่วประเทศมากถึง 1 แสนคน และในปี 2568 เราเชื่อมั่นว่ายอดผู้เข้าชมจะทะลุเกินหลักแสนคนอย่างแน่นอน เนื่องจากเราได้พัฒนาและปรับปรุงคอร์สเรียนให้ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของยุคปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น” อรประภา กล่าว

นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อยกระดับคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก ผลงานที่โดดเด่น ได้แก่ ทรีทเม้นท์บำรุงผมมะพร้าว ซึ่งได้รับรางวัลธุรกิจสมุนไพรดีเด่นแห่งชาติ ปี 2564 เซรั่มรังไหม คว้ารางวัลเหรียญทองจากงานประกวดสินค้านวัตกรรมโลก ประเทศโปแลนด์ และครีมนวดส้นเท้าแตกสูตรกล้วยหอม ที่ได้รับรางวัลเหรียญทองจากการประกวดสินค้านวัตกรรมระดับนานาชาติ ประเทศอังกฤษ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและมาตรฐานระดับสากลของผลิตภัณฑ์

ด้วยเป้าหมายที่จะขยายตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเป็น 30% ในปี 2568 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการให้บริการรับจ้างผลิต (OEM) ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ชีววิถี ได้รับความนิยมในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก อาทิ กัมพูชา พม่า มาเลเซีย และประเทศในยุโรปตะวันออกกลาง ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ผ่านร้านค้าชั้นนำ เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น บิ๊กซี และห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ รวมถึงร้านค้าของบริษัทเองอีก 4 สาขา เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

“แม้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันยังคงเผชิญกับความท้าทาย แต่ความต้องการของผู้บริโภคที่มีต่อผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ผลิตอย่างยั่งยืนและปลอดภัยกลับเติบโตอย่างต่อเนื่อง เราไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงยอดขาย แต่ยังมุ่งมั่นที่จะสร้างคุณค่าให้กับชุมชน ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดยจะเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจชุมชนควบคู่ไปกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน” อรประภา กล่าวทิ้งท้าย