สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 18 ม.ค. ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งจะรับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. นี้ กล่าวว่า ได้มีโอกาสสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน “บรรยากาศของการสนทนาเป็นไปด้วยดี” และเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จีนและสหรัฐจะร่วมกันแก้ปัญหาหลายอย่าง “ทันที” เพื่อให้โลก “สงบสุขและปลอดภัย” โดยประเด็นที่มีการสนทนากัน รวมถึง การค้า เฟนทานิล ติ๊กต็อก
I just spoke to Chairman Xi Jinping of China. The call was a very good one for both China and the U.S.A. It is my expectation that we will solve many problems together, and starting immediately. We discussed balancing Trade, Fentanyl, TikTok, and many other subjects. President Xi…
— Donald J. Trump Posts From His Truth Social (@TrumpDailyPosts) January 17, 2025
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนออกแถลงการณ์ ว่าผู้นำจีนให้ความสำคัญอย่างมาก กับการติดต่อสื่อสารระหว่างทั้งสองประเทศ และแสดงความหวังว่า การรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่สองของทรัมป์ “จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี” ให้กับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีน
อนึ่ง นายหาน เจิ้ง รองประธานาธิบดี จะทำหน้าที่ผู้แทนของประธานาธิบดีจีน เข้าร่วมพิธีสาบานตนของทรัมป์ ในการรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่สอง แม้มีรายงานจากเดอะ ไฟแนนเชียล ไทม์ส ว่าทีมงานของทรัมป์อยากให้ผู้แทนของจีน คือ นายไช่ ฉี หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการถาวร ของกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกิจการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และเลขาธิการคนที่หนึ่ง ประจำสำนักงานเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ เนื่องจากมองว่า ไช่คือ “มือขวาตัวจริง” ของสี
President Xi Jinping held a telephone conversation on Friday with United States President-elect Donald Trump, in which he congratulated Trump on being elected for the second time as US president.
— China Daily (@ChinaDaily) January 18, 2025
Trump thanked Xi for his congratulations and said he cherishes his great… pic.twitter.com/ZIFgACTA6p
ทั้งนี้ ทรัมป์ยืนยันเมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ว่าส่งเทียบเชิญไปยังผู้นำจีน ให้เข้าร่วมพิธีสาบานตน ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากไม่เคยมีประมุขหรือผู้นำประเทศคนใด เข้าร่วมการสาบานตนของประธานาธิบดีสหรัฐ โดยมักเป็นการมอบหมายให้เอกอัครราชทูตประจำกรุงวอชิงตันเข้าร่วม ในฐานะผู้แทนประเทศ.
เครดิตภาพ : AFP