สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ว่า ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) เปิดเผยในรายงานฉบับล่าสุด ว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะเติบโตถึง 2.7% ในปี 2568 และ 2569 ซึ่งสอดคล้องกับระดับที่ทำได้เมื่อปีที่แล้ว พร้อมเสริมว่า อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยอาจลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในช่วงเวลาดังกล่าว

มีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจกำลังพัฒนาจะเติบโตคงที่ ประมาณ 4% ในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นผลงานที่อ่อนแอกว่าก่อนเกิดการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 และอาจไม่เพียงพอที่จะส่งเสริมความก้าวหน้าที่จำเป็น ในการบรรเทาความยากจนและบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่กว้างขึ้น

นายอินเดอร์มิต กิลล์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเวิลด์แบงก์ กล่าวว่า ในทางกลับกัน อุปสรรคที่น่ากลัวก็เข้ามาแทนที่ เช่น ภาระหนี้ที่สูง การลงทุนและการเติบโตของผลผลิตที่อ่อนแอ และต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ขณะเดียวกัน การเติบโตทางเศรษฐกิจต่อหัวในประเทศกำลังพัฒนา นับตั้งแต่ปี 2557 ไม่รวมจีนและอินเดีย ต่ำกว่าการเติบโตในเศรษฐกิจที่ร่ำรวยโดยเฉลี่ย 0.5% ซึ่งเป็นสัญญาณของการชะลอตัวนี้ จึงมีความจำเป็นต้องพัฒนากลยุทธ์ใหม่ เพื่อผลักดันการปฏิรูปในประเทศ

กลยุทธ์เหล่านี้ ควรดำเนินผ่านการส่งเสริมการลงทุนในภาคเอกชนให้มากขึ้น กระชับความสัมพันธ์ทางการค้า และส่งเสริมการใช้เงินทุน บุคลากร และพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า การเติบโตจะชะลอตัวในเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก รวมถึงในยุโรปและเอเชียกลาง เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ ทั้งในจีนและยุโรป สวนทางกับภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮารา ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ จะได้รับประโยชน์จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งส่งผลให้การเติบโตแข็งแกร่งยิ่งขึ้น.

เครดิตภาพ : AFP