เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ม.ค. 68 ที่รัฐสภา นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงกรณีเด็กขอทานต่างด้าว ย่าน อโศก-นานา ว่า ขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐ ไปตรวจสอบกรณีดังกล่าวเพราะมีจำนวนมาก โดยเรื่องนี้ทาง กทม. และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และตนก็เคยลงพื้นที่หลายครั้งจากข้อร้องเรียนของประชาชน โดยได้พบว่าในพื้นที่พบว่ามีขอทานเด็กต่างด้าว ซึ่งมีการอุ้มเด็กอ่อน อายุประมาณ 1 เดือน มาเพื่อเรียกคะแนนสงสาร และมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งหลายครั้งมีการแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็มีการแก้แบบผักชีโรยหน้า พอไปจับทีก็วิ่งหนีกันที ซึ่งไม่ค่อยปลอดภัยกับเด็กเล็กมากนัก เพราะว่าคนที่วิ่งอาจจะเป็นผู้สูงอายุ อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น
นายภัณฑิล กล่าวต่อว่า ตนเคยไปสอบถามเด็กขอทานต่างด้าวส่วนใหญ่เป็นสัญชาติกัมพูชา โดยผู้สูงอายุอาจจะอ้างว่าเป็นย่า ยาย ป้า พาเด็กมาขอทาน แต่ไม่แน่ใจว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือไม่ ซึ่งการพาเด็กพาขอทาน ถือว่าผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ขอทาน หรือ พ.ร.บ.เรี่ยไร โดยพามาอยู่ตามแยกอโศก-นานา ใกล้กับบันไดรถไฟฟ้า อาจจะเป็นการละเมิดสิทธิเด็กหรือไม่ และขอทานต่างด้าวเหล่านี้ มีความผิดในการเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย อาจจะอยู่เกิน 3 เดือนแล้ว และเรื่องนี้เทศกิจลงไปตรวจสอบหลายครั้ง เพราะไม่สามารถขายของบนทางเท้าได้ นอกจากนั้นยังมีการร้องเรียนว่า ขอทานเหล่านี้มีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยวถูกล้วงกระเป๋า โดยการฉุดกระชาก และใช้เด็กเล็กเป็นเครื่องมือ ทำให้เรารู้สึกว่าไม่สามารถที่จะปฏิเสธหรือใช้กำลังกับเด็กได้ นอกจากนี้ชาวมุสลิมก็ร้องเรียนมาว่า บางที่ขอทานเหล่านี้ใช้ผ้าคลุมหัว ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นมุสลิมจริงหรือไม่
นายภัณฑิล กล่าวว่า ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและส่งกลับประเทศต้นทาง แต่ก็กลับมาอีก ดังนั้นอาจจะต้องมีการตรวจดีเอ็นเอว่าเป็นแม่ลูกกันจริงหรือไม่ รวมถึงเราต้องให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพราะเด็กอาจจะต้องได้การเข้าถึงด้านสาธารณสุขและการศึกษา ไม่ใช่มาอยู่ตอนกลางคืนบนท้องถนน เพราะเกิดความไม่ปลอดภัยกับตัวเด็ก และ รมว.การพัฒนาสังคมฯ ก็เคยพูดว่าถึงเวลาแล้วหรือไม่ ที่ต้องแก้ พ.ร.บ.เรี่ยไร ว่าคนให้อาจจะเข้าข่ายส่งเสริมให้มีการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ ถ้าหยุดการให้ คิดว่าขอทานคงจะน้อยลง และเขาเข้ามาทำเป็นอาชีพ เป็นขบวนการ จึงขอให้ตรวจสอบด้วยว่าเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะวันหนึ่งได้เงิน 2,000-3,000 บาท ใช้โทรศัพท์ไอโฟน รุ่นใหม่กว่าเราอีก หากประชาชนช่วยกันตรวจสอบ ไม่ให้เงิน ก็จะทำให้เขาลำบากมากขึ้น ดังนั้นหน่วยงานต้องบูรณาการร่วมกันในการแก้ปัญหา
นายภัณฑิล กล่าวต่อว่า เรื่องนี้จะกระทบต่อการเปิดกาสิโน ที่ท่าเรือคลองเตย เพราะเป็นย่านที่เชื่อมต่อกัน มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งที่เรายังไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้เลย มีการเอาเด็กพวกนี้มาอย่างเป็นขบวนการ ในอนาคตเราจะจัดการอย่างไร หากมีทุนข้ามชาติขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาฟอกเงินอย่างเป็นทางการ เรามีกฎหมายรองรับแล้วหรือยัง คิดถึงผลกระทบทางสังคมหรือไม่ว่าจะเป็นอย่างไร รวมถึงการลงทุนของเอกชน ที่มีแหล่งที่ตั้งในเขตสุขุมวิท เขตวัฒนา เขตคลองเตย ก็มีข้อกังวลในเรื่องการเปิดบ่อนกาสิโน ว่า จะมีการเก็บปากถุงหรือไม่ จากนักการเมือง และหน่วยงานที่ออกใบอนุญาต.