ที่ผ่านมา เรารู้จัก เน๋ง หรือ หมอเน๋ง-ศรัณย์ นราประเสริฐกุล ในฐานะนักแสดงหนุ่มรูปงาม และสัตวแพทย์หน้าใสที่ทำให้สาวๆ ตกหลุมรัก โดยเฉพาะบทบาท หมอโฌน จากซีรีส์ “Good Doctor หมอใจพิเศษ+” แต่ความจริงแล้วนั้น โลกอีกใบของเขา คือผู้หลงรักการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ หลงใหลการถ่ายภาพ Wildlife Photography ที่บันทึกภาพชีวิตสัตว์ป่านานาชนิด และวันนี้ทีมข่าว ‘เดลินิวส์’ จะพาทุกคนมารู้จักอีกหนึ่งตัวตนของเขา และมาชื่นชมเสน่ห์ของ Wildlife Photography ศิลปะการวาดภาพด้วยแสง ผ่านคมเลนส์ของ เน๋ง หรือ หมอเน๋ง กัน
โดยวันนี้ “ทีมข่าวเดลินิวส์” ได้มีโอกาสต่อสายตรง จับเข่าคุยหลังเลนส์กับ “หมอเน๋ง-ศรัณย์ นราประเสริฐกุล” อีกบทบาทความสามารถพิเศษ โดยคุณหมอเปิดใจว่า
หลายคนอยากรู้จัก “คุณหมอเน๋ง” มาก คิดว่าตัวจริงของเราเป็นแบบไหน Introvert หรือ Extrovert
เราเป็นคนค่อนข้างเก็บตัวและชอบอยู่บ้านมาก หรือสถานที่เงียบ ๆ เรียกง่ายอาจจะ Introvert แต่ถ้าตามสื่อเราเป็นคน Introvert ลักษณะพัฒนาแล้วนะ อาจจะเพราะอาชีพหรือการทำงานก็มีส่วน อย่างเวลาไปออกงานอีเวนต์หรือทำงาน นั่นคือการอยู่ในพื้นที่ของเราไง แต่เวลาที่เราต้องอยู่ในสถานที่ไม่คุ้นชิน ก็อาจจะไม่ค่อยอยากอยู่เท่าไหร่
เป็นทั้งคุณหมอและนักแสดงในเวลาเดียวกัน งานค่อนข้างยุ่งและรัดตัวมาก อะไรคือจุดเริ่มต้นของการมาสนใจถ่ายภาพสัตว์ป่า
หลังจากถ่ายทำซีรีส์เรื่อง GOOD DOCTOR หมอใจพิเศษจบ ก็ไม่แน่ใจนะว่ามันเกี่ยวกับมั้ย แต่มันก็เริ่มมากจากช่วงนั้น ซึ่งเรายอมรับว่าได้รับคาแรกเตอร์หนัก เพราะเราก็พยายามสวมบทบาทให้ดี และคาแรกเตอร์ตัวนี้ มันก็มีบาดแผลอะไรบ้าง อย่างข้างในเหมือนกัน เราก็ได้ขอผู้จัดการและต้นสังกัดพัก อยาก Refresh ตัวเอง ก็เลยมีโอกาสได้ไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนที่แอฟริกา 10 วัน บวกกับว่าตัวเองเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพและชอบสัตว์อยู่แล้ว เลยนำกล้องที่มีพกไปด้วย
และอย่างที่รู้ “แอฟริกามันเป็นซาฟารี ได้เห็นชีวิตจริงของสัตว์ป่า ซึ่งทำให้เราค้นพบว่ามันสนุกมาก มันทำให้เราได้พักโซเชียล หรือ Social Detoxification และได้โฟกัสโมเมนต์ตรงนั้น ซึ่งเรื่องนี้คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราอยากถ่ายภาพสัตว์จริงมันอยู่ตรงนี้แหละ” แต่ถ้าย้อนกลับไปตอนเด็ก บ้านเราอยู่ติดแถวสวนสัตว์เขาดิน ก็เลยชอบไป เพื่อไปถ่ายภาพสัตว์ในนั้น “และตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่าในไทยมีป่าจริงนะ บวกกับเรื่องราวตอนนี้มันทำให้ passion นั้นมันกลับมา และพยายามหาสถานที่ในไทยว่ามีมั้ย”
ภาพแรกที่ประทับใจ เกิดขึ้นที่ไหนและเพราะอะไร
เอาจริง เราไม่ได้ประทับใจที่ตัวภาพในครั้งแรกที่จับกล้องนะ แต่เรารู้สึกชอบโมเมนต์หรือฟิลลิ่งที่ได้ยินเสียงชัดเตอร์มากกว่า เราจำภาพแรกที่ประทับใจไม่ได้หรอก แต่จำได้แค่ฟิลลิ่งตอนนั้นได้มากกว่า ถ้าภาพของสัตว์มีหลายภาพมาก ตอนนั้นมีโอกาสถ่ายรูป “พลายงาทอง” ช้างที่เขาใหญ่ ตอนนั้นสามารถเก็บภาพน้องไว้ทันก่อนที่จะงาหัก ขณะน้องกำลังเดินอยู่ริมถนน และนั่นก็เป็นทริปแรกในไทยของเราด้วย ซึ่งภาพนั้นเราประทับใจเหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าช้างไทยจะสวยงามขนาดนี้
คิดว่าการถ่ายภาพสัตว์ป่า ให้อะไรกับตัวคุณหมอบ้าง
ความอดทน เพราะการจะออกไปถ่ายภาพสัตว์ในแต่ละครั้ง เราต้องไปรอนะ บางครั้งไปก็ไม่เจอตัวอะไรเลย หรือบางครั้งเราก็ไปผิดที่ ตอนนั้นอาจจะรู้สึกดูล้มเหลวนะ แต่พอเราถ่ายไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกว่าการล้มเหลวมันเกิดขึ้นได้เสมอ เพราะมันคือสิ่งที่เรา Control มันไม่ได้ “แต่สิ่งที่เราทำได้คือความพยายามและต้องอยู่ในจุดที่ถูกต้อง แล้วโอกาสมันก็จะมากขึ้น” อย่างล่าสุดที่ผมถ่ายภาพเสือดำมาได้ ก็เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่ามีลูกไทรสุกอยู่ ผมก็เลยวิเคราะห์ว่าอาจจะมีลิงหรือสัตว์ตัวอื่นมากิน และเสืออาจจะออกมาหรือเปล่า เราเลยนำเรื่องราวมาปะติดปะต่อเหมือนจิ๊กซอร์ ก็เลยไปดักรอ นั่นเป็นเหตุและผลที่ทำให้เราได้เจอเสือดำ
การที่ “หมอเน๋ง” ได้เข้าไปส่องสัตว์และคลุกคลีสัตว์ป่ามากขึ้น ได้เรียนรู้หรือมีอะไรที่ทำให้รู้สึกเปลี่ยนชีวิตไป
เอาจริง เราไม่ได้เข้าป่านานขนาดนั้นนะ แค่ 3-4 วัน แต่แค่ไปบ่อย การส่องสัตว์หรือคลุกคลีกับสัตว์นั้น ทำให้เราเปลี่ยนไปจากเดิมมากนะ เช่น ใจเย็นมากขึ้น นิ่งขึ้นและสามารถรออะไรนาน ๆ อดทนอะไรนาน ๆ ได้ จนอยากทำให้ชีวิตตัวเองทำอะไรแบบไม่ต้องรีบร้อน เอาจริงสังคมของเราใช้ชีวิตยากขึ้นมาก ปีนั้นต้องมีอันนี้ ปีนี้ต้องสำเร็จ เชื่อว่าสิ่งที่เราทำกันอยู่มันก็โอเคแล้วจริง ๆ นะ ขอแค่อย่าเดือดร้อนใคร
อะไรคือกุญแจสำคัญของการถ่ายภาพสัตว์ป่า ที่ทำให้เราได้ภาพที่สวยงาม
อย่างแรก เราควรที่จะเรียนรู้พฤติกรรมเขาก่อน บางภาพเราก็ไม่สามารถถ่ายได้เพียงครั้งเดียวนะ ภาพหนึ่งต้องไป 2-3 รอบ จนกว่าจะได้ภาพที่งดงาม เราต้องวางชอตในหัวก่อน เช่น นกตัวนี้มีพฤติกรรมแบบนี้นะ ต้องสังเกตวิธีบินของเขา เพราะแต่ละตัวทางบินก็จะไม่เหมือนกัน
สัตว์ชนิดไหนที่เป็นเป้าหมายสูงที่สุดในชีวิต ที่อยากถ่ายได้สักครั้ง
จริง ๆ ก่อนหน้านี้ผมอยากถ่ายสมเสร็จนะ แต่ก็มีเป้าหมายเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างปีนี้อาจจะปักธงเป็น “เสือโคร่ง” เพราะตอนนี้เราเก็บ เสือดำ, เสือดาว ครบหมดแล้ว
คิดว่าภาพถ่ายแนว Wildlife Photography ของเรามีอะไรเป็นจุดเด่น
น่าจะ Extreme การใช้อุปกรณ์ เราต้องมีการซ้อมตลอด เพราะการถ่ายภาพ Wildlife Photography ก็เหมือนกีฬาชนิดหนึ่ง อย่างเลนส์กล้องมีความหนักมาก แต่เราก็ต้องถ่ายทุกการเคลื่อนไหวของสัตว์ให้ได้ ไม่งั้นจะไม่ได้อะไรเลย “เหมือนกับตัวเราต้องเตรียมตัวให้มีความพร้อมตลอด แล้วถ้าโอกาสมันมา เราต้องคว้าให้ได้ เป็นยังไงปรัชญามั้ย“
เอาจริงอาจจะมีสายมูมาร่วมด้วย อย่างภาพเสือดำที่เราได้มา ก็บนใช้ไก่ 1 ตัว ดูเหมือนเป็นไสยศาสตร์เลย แต่ตอนนั้นเราไปขอศาลที่บ้านกร่าง “เราขอว่าอยากเจอเสือดำมาก อยากถ่ายทอดธรรมชาติออกไป เพื่อให้คนรักธรรมชาติมากขึ้น” แต่ก็มองว่าเรื่องนี้ไม่ผิดนะ เพราะเป็นสิ่งที่ทำไปไม่มีใครเดือดร้อน
ส่วนเรื่องการถ่ายภาพ เรียกว่าเราศึกษาจากความชอบตนเองเลย เราอยากขอบคุณหนังสือพื้นฐาน DSLR เพราะเราศึกษาจากตรงนี้หลายเล่มเลยนะ ส่วนด้าน Wildlife ก็มีศึกษาจากพี่ ๆ สายนี้บ้าง แต่เราถือว่ายังเป็นเด็กใหม่อยู่ ก็มีแอบครูพักลักจำพี่ ๆ ที่ไปถ่ายบ้างเวลาเขายกกล้องขึ้นก็ยกกล้องตาม “เอาจริงผมไม่ใช่คนที่มีอีโก้อะไรนะ พร้อมเรียนรู้จากพี่ ๆ หรือทุกคน ๆ ที่อยู่ตรงนั้น”
แอบเห็นว่าเปิดช่อง Youtube และ TikTok ทำคอนเทนต์พาเดินชมเที่ยวป่าและไลฟ์สไตล์ กระแสตอบรับที่ดีมากรู้สึกอย่างไรบ้าง
ดีใจมากเลยเหมือนกัน อย่างก่อนหน้านี้เราเห็นมีคนมาคอมเมนต์ว่าที่ประเทศไทยมีสัตว์ตัวนี้ด้วยเหรอ มันรู้สึกดีมากอ่ะ เหมือนเราได้ช่วยส่งเสริมการอนุรักษ์ไปด้วย มันเหมือนกับที่เราเชื่อว่าถ้าคนได้เห็นรูปสัตว์สวย ๆ เยอะ ๆ คนที่เห็นก็จะเพิ่มจิตใจที่อนุรักษ์เพิ่มไปเองและอยากรักษาสิ่งที่สวยงามนี้ไว้ แต่ถ้าเขาไม่เห็นอะไรกันเลย ก็จะไม่รู้ว่ามีสิ่งนี้ ซึ่งนี่ก็คือเหตุผลที่อยากจะแชร์ภาพหรือเรื่องราวต่าง ๆ ให้คนทั่วไปได้เห็น “ไม่ได้อยากให้ใครมาชมนะ อยากให้คนเห็นสัตว์ที่สวยเยอะ ๆ มากกว่า”
ความฝันสูงสุดในการเข้าวงการ Wildlife Photography
ยังคงปักธงเป็นแค่เป้าหมายที่อยากจะถ่ายภาพสัตว์ตัวที่หายากไปเรื่อย ๆ เราไม่อยากได้อะไรในวงการนี้นะ เป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่ทำแล้วมีความสุขและอยากแชร์เรื่องราวที่ไปทำมากกว่า “เอาจริงเรื่องนี้เราไม่เคยพูดเลยนะ ทำไมถึงไม่ใส่เครดิตในภาพ เพราะรู้สึกว่าภาพนี้ไม่ใช่ของเรา ถ้าใส่เครดิตไป ภาพก็ดูไม่สมบูรณ์ อยากให้คนได้เห็นธรรมชาติจริง ๆ” สำหรับใครจะเอารูปไปใช้ก็ไม่เป็นไร
ภาพสวยๆ จากคมเลนส์ของ “หมอเน๋ง” แฟน ๆ มีโอกาสจะได้เห็นที่นิทรรศการมั้ยในอนาคต
จริง ๆ ก็มีแพลนอยากจัดเหมือนกัน อย่างที่ทุกคนรู้แหละ ว่างบพิทักษ์สัตว์ป่ามันน้อย เจ้าหน้าที่ก็น้อยเช่นกัน อยากจะเอารายได้ส่วนหนึ่งไปช่วยเหลือพวกพี่ ๆ กรมป่าไม้ หรืออุทยานแห่งชาติฯ ตอนแรกอยากจัดปลายปี 2567 แต่รวบรวมรูปไม่พอ เลยจะเลื่อนไปก่อน อยากให้รูปมัน Impact กับคนดูจริง ๆ และจะคัดรูปที่ดีที่สุดไว้ขายภายในงานอีกด้วย แต่ตั้งเป้าไว้แล้วนะ ปลายปี 2568 ช่วงวันเกิด
อยากฝากอะไร ถึงผู้ที่อยากมาถ่ายภาพแนว Wildlife Photography
ถ้าคิดว่ามาทำแล้วได้เงิน บอกก่อนไม่ได้นะ แต่ถ้าเกิดชอบธรรมชาติมาก มาเลย เจอเราก็ถามได้นะ ยินดีมาก ๆ หรือจะพาเราไปด้วยก็ได้นะ ขอฝากอีกเรื่องหนึ่งนะ เราได้มีโอกาสลงไปใต้มาที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา-บาลา และนั่งฟังผู้ใหญ่บ้านและคนในชุมชนพูดคุยกัน “เรารู้สึกว่าการอนุรักษ์และการท่องเที่ยว มันควรจะต้องทำควบคู่กันไปนะ เจ้าหน้าที่เราน้อย ไม่สามารถควบคุมป่าได้หมด แต่ถ้าคนในชุมชนตรงนั้นช่วยกันจะดีมาก”
และถ้าเราสนับสนุนการท่องเที่ยว คนทุกคนก็จะรู้สึกหวงแหน พอมันมีธรรมชาติอยู่ มันก็สามารถกระจายรายได้ให้กับชุมชนได้นะ มันก็เลยกลับเป็นว่าชาวบ้านก็อยากช่วยกันรักษา และก็จะมีเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม ส่วนสัตว์ป่าก็จะมีงอกขึ้น การล่าสัตว์ก็จะน้อยลง อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทุกคน อยากให้ช่วยกันเรื่องนี้หน่อย เราอยากสนับสนุนการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์เข้าด้วยกัน…