เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2568 ดร.ฉลาด ขามช่วง ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร นายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีตรองนายกรัฐมนตรี ประธานที่ปรึกษาประธาน กมธ.ป.ป.ช. นายธีรัจชัย พันธุมาศ รอง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ กมธ.ป.ป.ช. และนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิประจำ กมธ.ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ที่อาคารรัฐสภา เกียกกาย ห้องประชุมกรรมาธิการ CA 313 ชั้น 3 คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ได้เรียกประชุม กมธ.ป.ป.ช.ครั้งที่ 55 มี คณะกรรมาธิการ ผู้เชี่ยวชาญ เลขานุการฯ ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิและที่ปรึกษาประธาน พิจารณาตรวจสอบปัญหาการก่อสร้างโครงการพัฒนาเมืองกาฬสินธุ์ ของกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ที่ได้ว่าจ้าง 2 หจก. 8 โครงการ วงเงินกว่า 545 ล้านบาท พบการเบิกจ่ายไปกว่า 250 ล้านบาท เริ่มสัญญาก่อสร้างตั้งแต่ปี 2562 2563 2564 2565 ถึงปัจจุบันก่อสร้างไม่เสร็จแม้แต่โครงการเดียว ทำให้ประชาชนชาวกาฬสินธุ์ได้รับความเดือดร้อน และปี 2567 กรมโยธาฯ ได้ยกเลิกสัญญากับ 2 หจก.นี้ไปทั้งหมด แต่ปัญหาการเอาผิดและเรียกเงินภาษีประชาชนคืนยังไม่เกิดขึ้นชัดเจน อีกทั้งการตรวจสอบข้ามปีก็ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างใด กมธ.ป.ป.ช. จึงได้เชิญผู้ควบคุมงานโครงการทั้ง 8 โครงการ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เขตตรวจราชการที่ 12 เข้าชี้แจง

นายธีรัจชัย พันธุมาศ รอง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า ข้อสังเกตในการก่อสร้างพบว่าเป็นงานรับเหมาของทั้ง 2 หจก. โดย หจก.แรก ได้ 2 โครงการ ส่วน อีก หจก.ได้ 6 โครงการ วงเงินทั้งหมดประมาณ 545,104,600 บาท เบิกเงินไปแล้วกว่า 252,918,400 บาท คิดเป็น 46% ของงบประมาณทั้งหมด ประเด็นอยู่ตรงที่กรมโยธาฯ พยายามที่จะแก้ปัญหาการทิ้งงานและการก่อสร้างใหม่ แต่เรื่องนี้มองว่ายังไม่ใช่เพราะทำให้รัฐเสียหายไปถึง 46% และกรมโยธาฯ พยายามอธิบายว่าจะใช้เงินที่เหลือเพื่อก่อสร้างให้เสร็จ ตรงนี้คือสิ่งที่กรมโยธาฯ พยายามอธิบาย ตนมองว่าการก่อสร้างนั้น กรมโยธาฯ ต้องทำการก่อสร้างให้แล้วเสร็จอยู่แล้ว แต่ตนมองว่าการแก้ปัญหายังไม่ตรงประเด็น ยังไม่ใช่

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า ตรงนี้หมายถึงว่าในฐานะเป็นหัวหน้าส่วนราชการ ไม่ว่าจะเป็น อธิบดี รองอธิบดี จะต้องทำมากกว่านั้นเพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เงินของรัฐหายไปถึง 46% เมื่อไม่คุ้มค่าจะปล่อยให้ 2 หจก.นั้น ลอยนวลได้อย่างไร ตนก่อนจะเกิดปัญหา อธิบดี หรือ รอง อธิบดี มีหน้าที่ต้องกำกับดูแล คือ ช่างผู้ควบคุมงาน คนตรวจงาน ถามว่ากรมโยธาฯ ได้สอบสวนหรือยังว่าประพฤติผิดหรือไม่ ถ้า อธิบดี รองอธิบดี ยังไม่สอบสวนถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 แต่ถ้าทำแล้วก็แล้วไป แต่ถ้ายังไม่ทำถือว่า อธิบดีและรองอธิบดี ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะจู่ๆ จะปล่อยให้เงินของหลวงหายไปแล้วปล่อยให้เกิดความเสียหายแบบนี้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถป้องกันน้ำท่วมได้ มันไม่ถูกต้องปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้

นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ตนซีเรียสมาก ถ้ายังไม่ตั้งกรรมการสอบก็ขอให้กรมโยธาฯ ตั้งกรรมการสอบแล้วขอเวลาด้วยว่าจะสรุปเมื่อไหร่ ตนยืนยันถ้าไม่ทำการสอบจะเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 อีกประเด็น ในการตอบของกรมโยธาฯ บอกว่าจะทำการก่อสร้างเท่าที่เหลือจากเงินที่ได้และก็พยายามจะฟ้องแพ่งกับ หจก.ทั้ง 2 แห่งนี้ แต่พฤติกรรมของ 2 หจก. รายงานจากที่ปรึกษาฯ พบว่า 2 หจก.มีพฤติกรรมที่ค่อนข้างจะไปทำความเสียหายต่อรัฐในหลายพื้นที่ ตนมองว่าพฤติกรรมนี้มันไม่ใช่ห้างหุ้นส่วนที่ทำโดยปกติชนแล้ว อีกทั้ง ห้างหุ้นส่วน ก็ยังมีผู้ถือหุ้นใน หจก.

นายธีรัจชัย กล่าวว่า จึงต้องดูว่าใครถือหุ้น ใครเป็นหุ้นส่วนถือกันเท่าไหร งบประมาณรวมที่ จ.กาฬสินธุ์ กว่า 545 ล้านบาท กำลังวงเงินการเข้าทำงานมีอยู่จริงหรือไม่ จึงขอให้กรมโยธาฯ ส่งประวัติ หจก. ไม่ว่าจะเป็นงบการเงิน ทุนจดทะเบียนของ 2 หจก.นี้มาให้ดูด้วย แล้วประวัติการทำงานเคยมีปัญหาการขึ้นบัญชีหรือไม่ แล้วเกณฑ์ของกรมโยธาฯ มีเกณฑ์ในการขึ้นทะเบียบอย่างไร ก่อนทำการจัดซื้อจัดจ้าง กรมโยธาฯ ได้ตรวจสอบหรือไม่ แล้วเคยดูหรือเปล่าว่า 2 หจก.นี้มีประวัติที่ด่างพร้อยอย่างไร แล้วทำไมจึงต้องไปจ้างมาทำงาน ทั้ง 8 โครงการ กรณีนี้ยิ่งเป็นการอีบิดดิ้ง มองได้ว่าจะเป็นการฮั้วนอก มีการเจรจาก่อนเข้าประมูลงานก็ได้ และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวงการทุจริตของประเทศไทย ทำให้เงินหายไปในแต่ละปีหลายแสนล้านบาท ปล่อยให้ทำอย่างนี้ได้อย่างไร

“เรื่องนี้ตนไม่สบายใจเลยเพราะการชี้แจงครั้งนี้ กรมโยธาฯ ไม่เคยพูดเลยว่าเรื่องนี้จะเอาผิดใคร ยืนยันว่าอย่างแรกที่สุด อธิบดีและรองอธิบดีจะต้องโดนเพราะไม่ตรวจสอบ ดังนั้นเมื่อวันนี้ผู้ชี้แจงตอบไม่ได้ ขอให้ผู้ชี้แจงส่งเอกสารมาว่า 1. กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทำอย่างไร ทั้งสอง หจก. กรมโยธาฯ มีเกณฑ์อย่างไรตามหลักเกณฑ์ราชการ ผู้ชี้แจงบอกทำตามหลักเกณฑ์ระเบียบราชการ ขอบอกว่าส่วนใหญ่ในเรื่องระเบียบ ส่วนราชการจะบอกถึงระเบียบตลอด เป็นช่องทางให้คนที่คิดทุจริตเข้ามาทำ หรือจะไปร่วมมือกับคนทุจริตด้วยแต่เวลาถูกจับกุมนั้นจะถูกจับกุมได้โดยละม่อมไม่ใช้ระเบียบ”

ดังนั้นก็ขอให้ส่งเอกสารการจัดซื้อจัดจ้าง เอกสารการตรวจงาน หจก.ที่รับงานเป็นของใคร งบการเงินของใครมีประวัติการตรวจรับงานที่ไหนมาบ้าง เพราะต้องลงรายละเอียดทั้งหมดถึงจะจับทุจริตได้ ไม่ใช่มาชี้แจงแล้วมาบอกปากเปล่าว่าตรวจแล้ว ทำแล้ว เท่านั้น แต่เมื่อมาถึง กมธ.ป.ป.ช. ตรงนี้ไม่ใช่ กมธ.จะต้องตรวจให้ได้ทั้งหมด สิ่งสำคัญตัวเงินที่หายไปทั้งหมดใครเซ็นบ้าง อธิบดีสั่งจ่ายเงินเป็นใคร ใครอนุมัติ ใครสั่งงาน ฝากให้ รองอธิบดีฯ นำส่งเอกสารนี้ทั้งหมด ซึ่งตนจะเข้ามาช่วยทำการตรวจสอบด้วย เพราะคำตอบของกรมโยธาฯ มาตอบเหมือนลอยนวลแต่รัฐเสียหายสองร้อยกว่าล้านบาท และรัฐต้องมาเสียเงินเพิ่มไม่รู้เท่าไหร่ อีกทั้งการปล่อยเวลาทำให้ค่าวัสดุแพงขึ้น ยิ่งผู้รับเหมารายนี้ยังไปทำเสียหายกับจังหวัดอื่นด้วยถือเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจแล้วต้องตรวจสอบไปด้วยว่าเกี่ยวพันกับข้าราชการ นักการเมืองคนไหนต้องหาให้เจอด้วย

ดร.ฉลาด ขามช่วง ปธ.กมธ.ป.ป.ช. กล่าวว่า การชี้แจงในครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่พบประเด็นปัญหาการตรวจสอบที่ล่าช้าถึงแม้ทางรองอธิบดีกรมโยธาฯ เป็นตัวแทนเข้ามาชี้แจงร่วมกับช่างผู้ควบคุมงาน ก็ยังเป็นการชี้แจงอย่างเดิมแต่ปัญหาทำให้รู้ว่า ผู้รับจ้าง 2 หจก. ไม่มีความพยายามที่จะเข้าทำงาน ตามรายงานของผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย เขต 12 มาชี้แจงเอาไว้ เพราะปัญหาการร้องเรียนโดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ ผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือล่าสุดก็มีเพียง ผู้ตรวจกระทรวงมหาดไทย ที่เป็นอดีต ผวจ.กาฬสินธุ์ ดังนั้นประเด็นสำคัญ กมธ.ป.ป.ช. จะทำการตรวจสอบเอกสารทั้งหมดตามที่ กมธ.ป.ป.ช. ได้ขอไปยัง กรมโยธาฯ ให้ละเอียดอีกครั้ง ที่จะมีการนำเรื่องนี้เข้าประชุมพิจารณากันเป็นครั้งที่ 3 ภายหลังตรวจเอกสารชี้แจงเป็นที่เรียบร้อย ในส่วนของ สตง. ก็ขอให้ดำเนินการตรวจสอบพิทักษ์เงินแผ่นดินตามอำนาจหน้าที่ ซึ่ง กมธ.ป.ป.ช. ก็จะเชิญมาชี้แจงเพื่อสรุปปัญหาวางบรรทัดฐานในการแก้ไขปัญหานี้ต่อไปในอนาคต