ต่อมาเวลา 13.20 น. วันที่ 16 ม.ค. ที่ห้องประชุมสำนักงานอธิการบดี ชั้น 2 มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเร่งรัดติดตามความก้าวหน้างานด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้และติดตามโครงการก่อสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก รวมถึงติดตามโครงการรถไฟทางคู่หาดใหญ่-สุไหงโก-ลก พร้อมรับฟังบรรยายสรุปการจัดหลักสูตรเตรียมความพร้อมการผลิตกำลังคนด้านอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยมีว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้บริหารส่วนราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้บริหารฝ่ายความมั่นคงจังหวัดนราธิวาส และนายกูเฮง ยาวอฮะซัน สส.นราธิวาส เขต 4 นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สส.นราธิวาส เขต 5 พรรคประชาชาติ เข้าร่วมด้วย


โดยนายกฯ กล่าวขอบคุณการอัปเดตข้อมูลต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ถึงแม้จะเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ ในการพบปะและรับฟังข้อมูลจากส่วนราชการ แต่ข้อมูลที่ได้รับฟังล้วนเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก วันนี้ตนตั้งใจมาตรวจราชการเพื่อรับฟังปัญหาในพื้นที่จากคนในพื้นที่โดยตรง ว่ามีอะไรบ้างที่ส่วนกลางจะสามารถช่วยได้จริงๆ ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพราะท้องถิ่นสามารถดูแลประชาชนได้ดี และใกล้ชิดประชาชนมากกว่าส่วนกลาง ขอให้ท้องถิ่นช่วยดูแลประชาชนให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

นายกฯ กล่าวต่อว่า เรื่องของคมนาคมที่ทางจังหวัดนราธิวาส กำลังดำเนินการ ฝากให้ทางจังหวัดดูเรื่องระยะเวลา ไม่ต้องการให้ล่าช้า เพราะหากล่าช้าจะเกิดทุนที่เพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลพยายามประหยัดงบประมาณ แต่ต้องการพัฒนาประเทศไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนการสร้างสะพานคู่ขนานข้ามแม่น้ำโก-ลก จากการพูดคุยกับทางมาเลเซีย ได้ตกลงความร่วมมือการจัดซื้อจัดจ้างร่วมกับทางมาเลเซียแล้ว คาดว่าจะเริ่มกระบวนการก่อสร้างในเดือน มี.ค. 2568 และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือน มิ.ย. 2568 รวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งหมดจำนวน ในเดือน มี.ค. 2568 และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือน มิ.ย. 2568 รวมระยะเวลาก่อสร้างทั้งหมดจำนวน 24 เดือน โดยจะเปิดให้บริการภายในปี 2570

นายกฯ กล่าวอีกว่า เรื่องงบประมาณในการก่อสร้าง ขอให้ทางจังหวัดประสานกับกระทรวงคมนาคม เร่งส่งเรื่องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาโดยเร็ว เน้นย้ำเรื่องของความปลอดภัยต่อชีวิตของประชาชนระหว่างการดำเนินก่อสร้าง โดยเฉพาะเส้นทางการสัญจรขอให้ติดป้ายเตือน กำหนดเส้นทางสัญจรให้ชัดเจน ในส่วนของการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงหาดใหญ่-สุไหงโก-ลก ประชาชนจะได้รับประโยชน์ ถือเป็นการพัฒนโครงการสาธารณะ ช่วยทำให้การขนส่งสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลพยายามนำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาระบบขนส่งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการส่งออกสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญอย่างมาก และเป็นส่วนสำคัญต่อการเติบโตของจีดีพีของประเทศไทย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาอย่างจริงจัง รวมทั้งหาข้อมูลประเทศเพื่อนบ้านที่เขามีความทันสมัยกว่าประเทศไทย นำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ เพื่อสนับสนุนสินค้าการเกษตร ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นในทุกๆ พื้นที่

นายกฯ ยังกล่าวอีกว่า นโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งสนับสนุนให้ทุนส่งเสริมเยาวชนไปเรียนต่อด้านอุตสาหกรรมในอนาคตจากต่างประเทศ ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีศักยภาพการศึกษาด้านเทคนิค แต่เทคโนโลยีถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ทั้งนี้ขอให้ศึกษาให้รอบคอบมากยิ่งขึ้น และขอให้ประสานงานกับต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสให้เยาวชน นักศึกษาไทย มีโอกาสไปศึกษามากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต รัฐบาลต้องการพัฒนาการศึกษาให้เด็กและเยาวชนของไทยให้ก้าวหน้า มีความทันสมัย นำความรู้กลับมาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศต่อไป

“ขอบคุณกำลังใจพี่น้องชาวใต้ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ฝากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น ในการลงพื้นที่พบปะแก้ไขปัญหาให้กำลังใจประชาชน ฝากบอกประชาชนว่า รัฐบาลยินดีที่จะสนับสนุน แก้ไขปัญหาทุกอย่างให้พี่น้องชาวใต้อย่างเต็มที่ ขอเน้นย้ำให้ส่วนราชการอย่าห่างเหินกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก อะไรที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนจะรอช้าไม่ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว จากนั้นนายกฯ และคณะเดินทางขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาลงพื้นที่ต่อยังจังหวัดยะลา.