เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2568 ได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ (สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์) จ.เชียงใหม่ เพื่อแจ้งความกรณีที่คลินิกเอกชน 2 แห่งใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นหน่วยบริการนวัตกรรมในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ที่ให้บริการประชาชนผู้มีสิทธิตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ เนื่องจาก สปสช. ได้รับร้องเรียนการประพฤติมิชอบในการประกอบกิจการคลินิกฯ ทั้งนี้ คลินิกแห่งแรกพบการประพฤติมิชอบใน 2 กรณีด้วยกัน กรณีที่ 1 ไม่พบหลักฐานการให้บริการตามที่มีการเรียกเก็บจาก สปสช. โดยหน่วยบริการไม่ส่งเอกสารหลักฐานจำนวน 2,593 ครั้ง ส่วนกรณีที่ 2 คือ การยินยอมให้ผู้ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพมาดำเนินการแทนในสถานพยาบาล และได้มีการทำการเบิกเงินโดยอ้างว่ามีการแจกชุดตรวจ HIV self–test นอกสถานที่โดยไม่ได้ขออนุญาตจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) รวมถึงผู้ดำเนินการไม่ใช่วิชาชีพ

ทพ.อรรถพร กล่าวอีกว่า ขณะที่คลินิกแห่งที่ 2 พบการประพฤติมิชอบ 3 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1 ไม่พบหลักฐานการให้บริการตามที่มีการเรียกเก็บจาก สปสช. โดยหน่วยบริการไม่ส่งเอกสารหลักฐาน จำนวน 4,619 ครั้ง กรณีที่ 2 การเบิกค่าใช้จ่ายโดยไม่มีการจัดบริการจริงตามหลักฐานการให้บริการและมีการร้องเรียน โดยมีการร้องเรียนจากผู้รับบริการผ่านสายด่วน สปสช. 1330 จำนวน 2 ราย หลังพบประวัติการยืนยันเข้ารับบริการชุดตรวจ HIV self-test แต่ผู้รับบริการทั้ง 2 ราย ยืนยันว่าไม่ได้เข้ารับบริการดังกล่าว และกรณีที่ 3 การยินยอมให้ผู้ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพมาดำเนินการแทนในสถานพยาบาล และได้มีการทำการเบิกชดเชยโดยอ้างว่ามีการแจกชุดตรวจ HIV self–test นอกสถานที่โดยไม่ได้ขออนุญาตจาก สสจ. และผู้ดำเนินการไม่ใช่วิชาชีพ

ทพ.อรรถพร กล่าวว่า จากการกระทำดังกล่าวของคลินิกทั้ง 2 แห่งนี้รวมเป็นมูลค่าการเบิกจ่ายกองทุนบัตรทอง ทั้งสิ้นจำนวน 721,200 บาท โดยแบ่งเป็นคลินิกแรก 295,300 บาท และคลินิกที่สอง 461,900 บาท ทำให้ สปสช. ได้รับความเสียหาย จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินการกับผู้ประกอบการคลินิก ซึ่งหลังจากนี้ สปสช. จะทำการขยายตรวจสอบคลินิกต่างๆ ในระบบที่พบข้อมูลการเบิกจ่ายมีความผิดปกติต่อไป.