นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีน วันที่ 24 ม.ค.-2 ก.พ. 68 รวม 10 วัน คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางกว่า 4 ล้านคน โดยในจำนวนดังกล่าว เป็นผู้เดินทางจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ประมาณ 770,000 คน ซึ่งเพิ่มขึ้น 22.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงเน้นย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะการให้บริการ และด้านความปลอดภัย รวมถึงให้นำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้บริการอย่างเต็มที่

นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในท่าอากาศยาน เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ให้บริการทุกขั้นตอน ทุกจุดบริการของกระบวนการผู้โดยสาร ทั้งขาเข้า และขาออก อาทิ การตรวจคนเข้าเมืองให้จัดเจ้าหน้าที่ประจำช่องบริการให้เพียงพอ เสริมเจ้าหน้าที่เวรปฏิบัติงานนอกเวลา การรับกระเป๋าสัมภาระ การเช็กอิน การตรวจค้น การจัดเจ้าหน้าที่ที่สามารถสื่อสารได้หลายภาษาคอยให้ความช่วยเหลือ และให้คำแนะนำผู้โดยสารในด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด และดูแลด้านรักษาความสะอาดของสถานที่ และห้องสุขา รวมถึงเตรียมแผนเผชิญเหตุกรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน

นายสุริยะ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้กำชับให้ ทอท. บริหารจัดการการดำเนินงานให้เกิดความสมดุล ทั้งด้านการบริการให้ผู้มาใช้บริการท่าอากาศยานเกิดความพึงพอใจ และประทับใจ และด้านความปลอดภัยของท่าอากาศยาน โดยให้ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินตามกฎหมายของประเทศ และสอดคล้องกับมาตรฐานขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้บริการในการเดินทางทางอากาศ โดยเฉพาะความปลอดภัยในเขตการบิน จึงได้เน้นย้ำให้ ทอท. หมั่นตรวจสอบความปลอดภัยของทางขับทางวิ่ง และเครื่องอำนวยความสะดวกในการเดินอากาศ ให้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

ด้านนายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2568 ทอท. ได้ประมาณการปริมาณจราจรทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งในความรับผิดชอบ ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) ระหว่างวันที่ 24 ม.ค.-2 ก.พ. 68 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีผู้โดยสารประมาณ 4.03 ล้านคน หรือเฉลี่ย 403,182 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 10.4% และมีเที่ยวบิน 24,599 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 2,460 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 16.7%

ขณะที่ ทสภ. มีผู้โดยสาร 1.91 ล้านคน เฉลี่ย 190,890 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 6.3% และมีเที่ยวบิน 11,238 เที่ยวบิน เฉลี่ย 1,124 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 15.4% ส่วน ทดม. มีผู้โดยสาร 989,584 คน เฉลี่ย 98,958 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 15.1% และมีเที่ยวบิน 6,452 เที่ยวบิน เฉลี่ย 645 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 14.3% ด้าน ทชม. มีผู้โดยสาร 340,136 คน เฉลี่ย 34,014 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 17.5% และมีเที่ยวบิน 2,082 เที่ยวบิน เฉลี่ย 208 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 19.3% ส่วน ทชร. มีผู้โดยสาร 68,708 คน เฉลี่ย 6,871 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 25.7% และมีเที่ยวบิน 410 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ย 41 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 18.8%

สำหรับ ทภก. มีผู้โดยสาร 628,173 คน เฉลี่ย 62,817 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 9.6% และมีเที่ยวบิน 3,809 เที่ยวบิน เฉลี่ย 381 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 23% และ ทหญ. มีผู้โดยสาร 96,318 คน เฉลี่ย 9,632 คนต่อวัน เพิ่มขึ้น 20.6% และมีเที่ยวบิน 608 เที่ยวบิน เฉลี่ย 61 เที่ยวบินต่อวัน เพิ่มขึ้น 19.4% ทั้งนี้ ทอท. ขอความร่วมมือผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางล่วงหน้า 2-3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน

นายกีรติ กล่าวต่อว่า ทอท. ได้เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวก และการบริการให้ผู้โดยสารในท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ให้ได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว และปลอดภัย ตั้งแต่การใช้เทคโนโลยีลดระยะเวลารอคอยในกระบวนการผู้โดยสาร จัดเจ้าหน้าที่ Airport Help ให้คำแนะนำผู้โดยสาร รวมถึงเจ้าหน้าที่ให้บริการในจุดต่างๆ เพิ่มความถี่ดูแลความสะอาดของสถานที่ และห้องสุขา จัดพื้นที่พักคอยและพักผ่อนหย่อนใจ ดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัย และปฏิบัติตามระเบียบว่าด้วยระบบการจัดการด้านนิรภัยของสนามบิน (Safety Management System) โดยในเขตการบิน (Airside) ได้จัดวงรอบตรวจทางขับ ทางวิ่งอย่างสม่ำเสมอตามมาตรฐานสากลที่กำหนด

อีกทั้งยังมีการดำเนินงานป้องกันอันตรายที่เกิดจากสัตว์ โดยการสำรวจ และประเมินอันตรายจากนก และสัตว์อันตรายในเขต Airside ตลอดจนสำรวจระบบนิเวศทั้งภายใน และโดยรอบสนามบินเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการประกันความปลอดภัยให้กับเครื่องบินที่ทำการบิน ทั้งนี้เมื่อมีการแจ้งเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น พบนก/สัตว์ และรายงานอากาศยานชนนก/ชนสัตว์ เจ้าหน้าที่จะเข้าตรวจสอบพื้นที่ทันที เพื่อเก็บหลักฐานที่จะปรากฏได้ในบริเวณที่เกิดเหตุ จากนั้นจะรายงานตามกระบวนการที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมายของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการตรวจสอบติดตามจาก ICAO มาโดยตลอด.