ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่ 15 ม.ค. มีวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ …)พ.ศ. … หรือ พ.ร.บ.สุราชุมชน ในวาระ 3 โดยมีสาระสำคัญคือการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการขออนุญาต การออกใบอนุญาตผลิตสุราให้เปิดกว้างมากขึ้น สนับสนุนให้เกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการรายย่อยขอรับใบอนุญาตผลิตสุราเพื่อการค้าได้ ไม่ใช้หลักเกณฑ์เลือกปฏิบัติหรือผูกขาดทางเศรษฐกิจโดยไม่เป็นธรรม และสนับสนุนการใช้สินค้าเกษตรในประเทศมาผลิตผลิตสุราทุกประเภท

“สส.หนุ่ม” ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ. ร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ชี้แจงว่า การแก้ไขกฎหมายสุราชุมชน จะส่งเสริมนโยบายรัฐบาลในการลดการผูกขาดทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบการรายใหญ่ และส่งเสริมการประกอบอาชีพของผู้ประกอบการรายย่อย ให้มีช่องทางได้รับใบอนุญาตตามกฎหมาย ช่วยเพิ่มการจัดเก็บภาษีแก่รัฐ นำสินค้าที่ผลิตไม่ถูกต้องตามกฎหมายเข้าสู่ระบบ สร้างโอกาสต่อยอดผลิตภัณฑ์สุราเป็นสินค้าส่งออกมากขึ้น แต่ไม่ใช่การให้ผลิตสุราเสรีโดยไม่ขออนุญาต ต้องแจ้งหน่วยงานรัฐ

ที่ประชุมลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ในวาระ 3 ด้วยคะแนน 415 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียงไม่มี ไม่ลงคะแนนเสียง 5 เสียง จากนั้นส่งวุฒิสภาพิจารณาต่อไป เรียกว่าเอกฉันท์ทีเดียว

ภายหลังการลงมติ “นายกฯ อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและทวีตข้อความผ่าน X แสดงความยินดีทันที ว่า กฎหมายนี้จะลดการผูกขาดการผลิตสุรา ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก เปิดโอกาสทางเศรษฐกิจให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถผลิตสุราหลายประเภทได้ง่ายขึ้น สร้างโอกาสให้พี่น้องเกษตรกรส่งต่อสินค้าเกษตรและเครื่องเทศไทยที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ เป็นวัตถุดิบในการผลิตสุรา ยกระดับภูมิปัญญาไทย สร้างซอฟต์พาวเวอร์

“สส.เท่า” เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) ผู้เคยถูกจับกุมเรื่องทำคราฟต์เบียร์ กล่าวว่า แม้ว่าการต่อสู้เรื่องใบอนุญาตผ่านไปแล้ว แต่ยังต้องจับตาดูกฎกระทรวง และประเด็นอื่นๆ อีก อย่างเช่น เรื่องภาษี ว่าเราควรจะให้แต้มต่อกับผู้ประกอบการรายย่อยหรือไม่ รวมถึงเรื่องขนาดบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ที่อาจมีการผูกขาดที่ยังเป็นปัญหาอยู่ และเราต้องแก้ต่อไป เป็นหน้าที่โดยตรงของ รมว.คลัง ที่จะศึกษาและออกกฎได้ ซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2-3 เดือน ขอขอบคุณรัฐบาล แม้อยู่ต่างพรรค ถ้าเป็นประเด็นที่เป็นของประชาชน เราก็สามารถร่วมงานกันได้

“ผมยังมีเป้าหมายต่อไป คือการต่อเรือลำใหม่ ซึ่งจะพาคนตัวเล็กตัวน้อยไปให้ได้มากที่สุด คือ พ.ร.บ.โรงแรมและที่พักค้างแรม ซึ่งยังมีปัญหาในการจดทะเบียนโรงแรมขนาดเล็กหรือโฮสเทล เพราะผูกติดกับ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร มีร่างกฎหมายแล้ว รอเพียงการยื่นเข้าสู่สภา” นายเท่าพิภพ กล่าว

ก็เป็นเรื่องน่ายินดีในชั้นแรก แต่อย่างที่ สส.เท่า ว่า คือยังต้องดูกฎกระทรวงกำหนดสเปกการผลิตอีก

เกี่ยวกับเรื่อง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีกาสิโนในนั้นด้วย “หัวหน้าเท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ยังยืนยันอยากได้ความชัดเจนมาตรการป้องกันปัญหาสังคม และความโปร่งใสการให้สัมปทาน

“ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ คาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือน มี.ค. พรรคประชาชนมี 20 เรื่อง ที่ยังหยิบเข้าหยิบออก มีหลายเรื่องที่เรามองว่า สามารถโยงไปทำให้เห็นได้ว่าเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย มีผลประโยชน์ทับซ้อนภายในพรรคร่วมรัฐบาลกันเอง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้ได้ มีดาวสภาหน้าใหม่อย่างแน่นอน ขอให้รอดู”

ฝั่งรัฐบาลยืนยันขอให้มั่นใจไม่ใช่บ่อนเสรี แม้แต่ฝ่ายตำรวจ พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช. กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ยังบอกว่า การจะเปิดกาสิโนแบบถูกกฎหมายในประเทศไทย เพื่อต้องการที่จะให้ควบคุมในเรื่องของการพนันอย่างเป็นรูปธรรม ตรวจสอบอย่างเข้มข้น อาทิ ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้เล่น จำนวนเงิน และเส้นทางการเงินของผู้เล่น นำเข้าสู่ระบบ การทำกาสิโนแบบถูกกฎหมายนั้น คาดว่าจะทำให้การพนันออนไลน์ต่างๆ ในประเทศไทยลดลง

“รองจอม” ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า ยอมรับว่า พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรไม่สามารถแก้ไขปัญหาการพนันได้ 100% แต่เป็นการดึงเงินที่เสียจากการพนันต่างประเทศเข้ามาในระบบเศรษฐกิจประเทศไทยแบบโปร่งใส และนำไปใช้ประโยชน์ ตัวอย่างเช่นประเทศสิงคโปร์ ที่สามารถนำเงินจากการเก็บค่าใบอนุญาต (License) เพื่อมาเป็นรางวัลนำจับในการพนันผิดกฎหมายได้ และพบว่า การก่ออาชญากรรมลดลง และยังตั้งโครงการบำบัดการติดพนันด้วย ซึ่งหลายประเทศทำกัน

ในร่าง พ.ร.บ.กำหนดไว้ว่า การลงทุนจะต้องมีเงินขั้นต่ำ 1 หมื่นล้านบาท และการลงทุนจะต้องเป็นขนาดใหญ่ เข้าใจว่า สังคมมีข้อกังวลในเรื่องฟอกเงิน ดังนั้น รัฐบาลจึงให้ต้องดึงผู้ประกอบการที่ดูแลและกำกับในระดับโลก หากมีปัญหาการฟอกเงินในไทย หรือทำอะไรส่งผลกระทบต่อสังคม บริษัทเหล่านี้อาจจะต้องถูกถอนใบอนุญาต

มาตรการป้องกันกลุ่มทุนเทาจะมีตั้งแต่การขออนุมัติ จัดตั้งสำนักงานที่ดูแลด้านนี้โดยตรง ซึ่งบริษัทต่าง ๆ ก็จะต้องยื่นแผนประกอบการลงทุน ระบุรายละเอียดผู้ถือหุ้นเป็นใคร ดังนั้นก็จะตรวจสอบได้ว่าใครคือผู้ถือหุ้น นอกจากนี้ยังมีระบบที่ระบุอยู่ใน พ.ร.บ. ว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นต้องแจ้งให้กับคณะกรรมการนโยบายทราบ ตรวจสอบย้อนหลังไปถึงผู้ถือหุ้น และบริษัทขนาดใหญ่ระดับโลกจะไม่เสี่ยงในเรื่องไม่โปร่งใสให้เกิดความเสียหาย

ส่วนเรื่องการทำประชามติ รองจอมมองว่า อาจไม่จำเป็น เพราะเป็นเรื่องที่รับฟังความเห็นไปแล้ว และขั้นตอนที่จะบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ ก็ผ่านการโหวตจากสภานิติบัญญัติ ซึ่งก็ถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชน แต่ก็พร้อมรับข้อสังเกตจากประชาชน ไม่อยากให้มองเป็นเรื่องการเมือง แต่อยากให้มองเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจมากกว่า และหากใครที่ไม่อยากให้คนในครอบครัวเข้ามา ก็ส่งรายชื่อให้เป็น Negative list ได้ ค่าเข้าของคนไทยก็ยังเพิ่มได้ตามความเหมาะสม

รองจอมสรุปว่า เท่าที่คุยมีผู้ประกอบการสนใจ และทุกคนตั้งตารอว่า เมื่อไรประเทศไทยจะมีศูนย์รวมความบันเทิงฯ เพราะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียมีเกือบทุกประเทศแล้ว ส่วนลูกค้าที่จะใช้บริการ จัดเน้นที่กลุ่มต่างประเทศเป็นหลัก โมเดลของสิงคโปร์เจาะกลุ่มลูกค้าวีไอพี ซึ่งจะต้องไปพูดคุยรายละเอียดว่า หากต้องการดึงดูดลูกค้าเหล่านี้เข้ามา การเก็บภาษีจะต่างจากลูกค้าธรรมดาอย่างไร ตอนนี้มีนักลงทุนระดับโลกหลายเจ้าให้ความสนใจ

ประเด็นร้อนๆ อีกเรื่องคือ มีรายงานข่าวว่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมช.มหาดไทย ได้ลงนามคำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอลฟ์อัลไพน์ ให้กลับไปเป็นที่ธรณีสงฆ์ของวัดธรรมิการามวรวิหาร อย่างเป็นทางการแล้ว เท่ากับว่า ใครที่ครอบครองที่อยู่ต้องคืนวัด

นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ชี้แจงว่า ยืนยันว่าเรื่องที่ดินอัลไพน์ เป็นอำนาจของรองปลัดกระทรวงมหาดไทย (ตามกลุ่มภารกิจ) ดูแล คือนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดมหาดไทย ที่กำกับดูแลในปัจจุบัน และเรื่องนี้ยังอยู่ที่รองปลัด และส่วนตัวไม่ทราบเรื่อง เพราะกรมที่ดินยังไม่ได้รับเอกสารเพิกถอนกรรมสิทธิ์

“นายกฯ อิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร กล่าวเพียงว่า “เรื่องนี้ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายพอ”

นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่า นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านความมั่นคงภายใน จะเป็นผู้วินิจฉัยว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนนั้นอยู่ นายชาดาไม่ใช่ผู้ที่จะต้องวินิจฉัย ข่าวที่ออกมา นายชาดา อาจจะให้ข้อเสนอแนะ แต่ในรายละเอียดต้องดูข้อเท็จจริงอีกครั้ง อาจจะมีข้อพูดคุยหรือสอบถามซึ่งอาจเป็นไปได้ ส่วนความเห็นของรองปลัดมหาดไทย ก็ขึ้นอยู่กับเขาจะพิจารณา

ก็จะกลายเป็นเรื่องร้อนที่สะเทือนครอบครัวนายกฯ ได้ เพราะถือครองที่ดินบริเวณนั้นอยู่ด้วย

“ทีมข่าวการเมือง”