นับเป็นเหตุสุดสลดใจ หลังคนร้ายลอบวางระเบิดรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในพื้นที่ สภ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 2 นาย คือ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 56 ปี และ ด.ต.โดม ช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นพ่อลูกและเป็นครูตำรวจตระเวนชายแดน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บอีกหลายนาย ถือได้ว่าเป็นความสูญเสียบุคลากรอันทรงคุณค่า ผู้กล้าที่เสียสละเพื่อการศึกษาของเด็กๆ
-เปิดประวัติน่าสรรเสริญ ‘พ.ต.ท.-ด.ต.’ สองพ่อลูกครูตชด. สละสุขส่วนตัวเพื่อนร.พื้นที่ทุรกันดาร
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ภายหลังจากข่าวการเสียชีวิตของ พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์ หรือ “ครูวิทย์” เจ้าของรางวัลผู้ปิดทองหลังพระ และรางวัลในระดับ “ครูยิ่งคุณ” ประจำปี 2558 ของ มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี เผยแพร่ออกไปไม่นาน ได้มีการเผยถึงบทสัมภาษณ์ที่แสดงถึงความตั้งมั่นอย่างแรงกล้า ในการเป็นแสงเทียนที่ปลายด้ามขวาน เพื่อพัฒนาการศึกษาของเด็กๆ

โดยในส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์โดย มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี ทางครูวิทย์ได้เผยความในใจ ถึงการเลือกทำงานในพื้นที่ชายแดนใต้และการทุ่มเทเพื่อชาวบ้านเอาไว้ว่า “ผมมาจากพัทลุงพูดมลายูก็ไม่ได้ ก็เลยคิดว่าทำยังไงให้เราสนิทกับเขาก่อน ก็ไปคลุกคลี โชคดีที่ผมเป็นมุสลิมก็ใช้หลักทางศาสนาโดยไปมัสยิดบ่อยขึ้น ผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนเจ็บป่วยไม่สบายก็ไปเยี่ยม บอกกับชาวบ้านตลอดว่าเรามาเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและของทุกคนในชุมชน” เอาเรื่องของอาชีพเข้าไปจับ เรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง แนะนำให้ชาวบ้านปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อลดรายจ่าย ประสานหน่วยงานต่างๆ เข้ามาสนับสนุนส่งเสริมพัฒนาอาชีพในด้านต่างๆ ใช้กระบวนการเหล่านี้มาสนับสนุนแทนที่จะไปพูดเรื่องการศึกษาอย่างเดียว “และใช้โอกาสในช่วงที่เกิดวิกฤติหรือปัญหาต่างๆ ขึ้นกับคนในชุมชนเป็นโอกาสในการเข้าถึงหัวใจของคนในชุมชน โดยช่วยเหลือเขาทุกด้าน ทุกเรื่องในชุมชน ทุกเรื่องในวิถีชีวิตของเขา จนชาวบ้านพูดต่อๆ กันว่าคิดอะไรไม่ออกไปบอกครูวิทย์ (หัวเราะ) ตรงนี้มันได้กลายเป็นความสุขของเรา” ครูวิทย์เล่าถึงเทคนิคการเข้าถึงชุมชน

“ผมไม่เคยคิดที่จะย้ายหนี ถ้าเราหนีแล้วใครจะอยู่ แม้ชีวิตพวกเราต้องเสี่ยง แต่เด็กๆ และชาวบ้านในพื้นที่เขาก็เสี่ยง และลำบากกว่าเรา ที่สำคัญคือ งานของพระองค์ท่านฯ ใครจะทำ ใครจะสานต่อ เราจะปล่อยให้เทียนดับไม่ได้ แม้แสงสว่างจะริบหรี่ก็ยังดีกว่ามืดสนิท อย่างน้อยก็ยังช่วยให้ไม่หลงทางไปไกลนัก”
นอกจากนี้ “ครูวิทย์” ของชาวบ้าน ยังได้ระบุทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่า “ชีวิตเราไม่ได้มีค่าอะไรในสังคมที่รุ่งเรือง แต่ภูมิใจที่ได้ใช้ชีวิตให้เกิดประโยชน์กับผู้ที่ยากไร้ด้อยโอกาส สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้สนองงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงสู่ชุมชนทุรกันดารห่างไกล” และนี่คือคำพูดสั้นๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่นของ “พ.ต.ท.สุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์” ครู ตชด.ผู้ยืนหยัดเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนในดินแดนด้ามขวาน..
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี