สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ว่าสตาร์เมอร์ให้คำมั่นว่า จะผ่อนปรนระเบียบราชการ เพื่อดึงดูดการลงทุนด้านเอไอมูลค่าหลายพันล้านปอนด์ (ราว 42,382 ล้านบาท) เข้าสู่สหราชอาณาจักร ผ่าน “แผนปฏิบัติการโอกาสด้านเอไอ” ซึ่งประกอบด้วยคำแนะนำ 50 ประการ สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพเอไอในภาคส่วนสาธารณะ ตั้งแต่การศึกษา และการดูแลสุขภาพ ไปจนถึงการตรวจจับหลุมบ่อ

สตาร์เมอร์กล่าวในงานของมหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน ว่า “จำคำพูดของผมไว้ สหราชอาณาจักรจะกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจด้านเอไอ” โดยก่อนหน้านี้ เขาระบุผ่านการให้สัมภาษณ์กับ ไฟแนนเชียล ไทม์ส ว่า “เราไม่จำเป็นต้องเดินตามเส้นทางของสหรัฐหรือสหภาพยุโรปเกี่ยวกับกฎระเบียบด้านเอไอ” และเรียกร้องให้มีแนวทางแบบอังกฤษโดยเฉพาะ

แผนการล่าสุดของรัฐบาลรวมถึงการจัดตั้งคลังข้อมูลแห่งชาติ เพื่อช่วยให้นักวิจัยและนักประดิษฐ์ด้านเอไอเข้าถึง ชุดข้อมูลสาธารณะ โดยเฉพาะบันทึกของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งคลังข้อมูลจะได้รับการสนับสนุนจากระบบลิขสิทธิ์ที่ชัดเจน และเชื่อถือได้ อีกทั้งถูกควบคุมภายใต้กฎระเบียบเคร่งครัด

รัฐบาลสกราชอาณาจักรวางแผนว่า การสร้างเขตการเติบโตสำหรับเอไอโดยเฉพาะ ออกแบบมาเพื่อเร่งข้อเสนอการวางแผนสำหรับศูนย์ข้อมูล และโครงสร้างพื้นฐานเอไอ นอกจากนั้น ยังมีการตั้งเป้าหมาย เพิ่มความจุของเซิร์ฟเวอร์ให้ได้ 20 เท่า ภายในปี 2573 และการสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ ให้มีพลังของเอไอมากพอที่จะเล่นหมากรุกได้ 500,000 ครั้งต่อวินาที

ทีมงานของสตาร์เมอร์ประเมินว่า เอไออาจสร้างมูลค่า 47,000 ล้านปอนด์ (ราว 1.9 ล้านล้านบาท) ให้กับเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในแต่ละปี ครอบคลุมตลอดระยะเวลา 10 ปี นับจากนี้

อนึ่ง บริษัทเทคโนโลยี 3 แห่ง ได้แก่ “แวนเทจ เดตา เซ็นเตอร์ส” “เอ็นสเกล” และ “คินดริล” ตกลงที่จะลงทุน 14,000 ล้านปอนด์ (ราว 593,639 ล้านบาท) สำหรับการพัฒนาเอไอในสหราชอาณาจักร ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างงานมากกว่า 13,000 ตำแหน่ง.

เครดิตภาพ : AFP