เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลพื้นที่ กทม. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “เอ้ สุชัชวีร์” เสนอ “Bangkok Low Emission Zone” แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ระบุว่า ผมขอเสนอ “Bangkok Low Emission Zone” แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ในพื้นที่เสี่ยงอันตราย ทำเถอะครับ เพราะยิ่งช้า ยิ่งสูญเสีย
ถึงเวลาประกาศ “กำหนดเขตมลพิษต่ำ” ลดควันดำกรุงเทพชั้นใน ได้ “อากาศสะอาด” คืนมา ก่อนสุขภาพคนกทม. วิกฤติยิ่งกว่านี้ ใครไม่เจอด้วยตัวเองไม่รู้หรอกครับ ว่าภัย PM2.5 ร้ายแรงกว่าที่คิดมาก
นี่คือ “เป้าหมาย” และ “วิธีแก้ปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม” ที่เราต้องทำทันที รอไม่ได้ เพราะกรุงเทพมี “ความหนาแน่นขึ้น” ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถยนต์เพิ่มขึ้นตาม ปัญหาการจราจรติดขัด และ มลพิษทางอากาศก็ตามมา โดยเฉพาะปัญหา PM 2.5 ที่ส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตของพลเมือง
เมืองที่สู้จนชนะสงครามกับฝุ่นพิษ เน้นควบคุม “ต้นกำเนิด” ของ PM 2.5 ในตัวเมือง หนึ่งในวิธีนั้นคือ “การกำหนดพื้นที่เขตมลพิษต่ำ” หรือ Low Emission Zone (LEZ) นั้นเอง

หนึ่งในเมืองต้นแบบที่นำวิธีการนี้มาใช้ จนประสบความสำเร็จ และเห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม คือ “กรุงลอนดอน” ประเทศอังกฤษ ที่วันนี้ประสบความสำเร็จในการลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 ตั้งแต่เหตุการณ์ วิกฤติหมอกควัน จนตอนนี้กลับกลายเป็นเมืองที่อากาศสะอาดกว่ากรุงเทพไปแล้ว
“เขตมลพิษต่ำ” เป็นการประกาศพื้นที่ในการควบคุมมลพิษอย่างจริงจัง เพื่อลด PM 2.5 และคืนอากาศสะอาด ในพื้นที่ “เปราะบาง” ที่มีประชากรหนาแน่น มีโรงพยาบาล และมีโรงเรียนจำนวนมาก
การประกาศ “เขตมลพิษต่ำ” ในกรุงลอนดอน ทำให้สามารถจำกัดการเข้ามาของยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษสูงที่จะเข้ามาในเมือง ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกเก่าควันดำ รถเมล์ควันโขมง หรือรถอื่น ๆ ที่ปล่อยมลพิษอันตรายน่ากลัว โดยจะมีการมีกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมตามปริมาณมลพิษรถที่ปล่อยออกมา เมื่อผ่านเขตที่กำหนด ยิ่งรถปล่อยมลพิษสูง ค่าธรรมเนียมยิ่งแพง ส่วนรถที่ปล่อยมลพิษตามมาตรฐาน รถยนต์ไฟฟ้าพลังสะอาด จะไม่มีค่าธรรมเนียม เข้าได้ฟรี ขับได้ตามปกติ เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาดูแลรักษารถยนต์ให้มีมาตรฐาน ปล่อยมลพิษน้อยลง ใช้รถพลังงานสะอาดมากขึ้น หรือหันมาเลือกใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทน ทำให้ลอนดอนลดมลพิษจากท้องถนนได้
รวมทั้งควบคุมการก่อสร้างที่ไร้ความรับผิดชอบ ขณะที่ให้ประโยชน์ทางภาษีแก่โครงการก่อสร้างที่ป้องกันฝุ่น หรือ “ทำดีต้องได้ดี ทำไม่ดีก็ต้องถูกปรับ” ยุติธรรม
รู้หรือไม่ ปัจจุบันกรุงลอนดอนมีการกำหนด Ultra Low Emission Zone (ULEZ) “เขตมลพิษต่ำพิเศษ” ที่ใช้พื้นที่ 1 ใน 4 ของกรุงลอนดอนที่มีผู้อาศัยอยู่กว่า 3.8 ล้านคน โดยพื้นที่นี้จะมีความเข้มงวดและมีมาตรฐานสูงกว่าเขตมลพิษต่ำแบบทั่วไป
สำหรับกทม.ขอเสนอให้มีการกำหนดเขตมลพิษต่ำ “Bangkok Low Emission Zone” หรือ “B-LEZ” (บีเลส) นำร่อง 16 เขตกรุงเทพชั้นใน บริเวณเขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดุสิต พญาไท ราชเทวี ปทุมวัน สาทร บางรัก บางคอแหลม บางพลัด บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ คลองสาน ธนบุรี และเขตยานนาวา ครอบคลุมพื้นที่กว่า 130 ตารางกิโลเมตร เพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างจริงจัง เชื่อว่าสิ่งนี้จะทำให้ชาวกรุงเทพฯ ได้รับอากาศสะอาดกลับคืนมาได้
ทำไมต้อง 16 เขต กรุงเทพชั้นใน 1. เขตชั้นในนี้ มีประชากรอาศัยหนาแน่น ทั้งผู้อยู่อาศัย ผู้มาทำงาน และนักเรียน ที่มีโรงเรียนและโรงพยาบาลอยู่ในพื้นที่นี้มากที่สุด จึงได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างมาก
2.พื้นที่นี้มีการก่อสร้างมากที่สุด มีปัญหามากที่สุดและส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดต่อคนกรุงเทพ 3. พื้นที่นี้อยู่ในแนวรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่พร้อมที่สุด ประชาชนมีทางเลือกในการเดินทางมากกว่าพื้นที่อื่น
เมื่อ PM2.5 คือ อันตรายตายจริง และขอย้ำ “ปล่อยฝุ่นว่าโหดร้าย ปล่อยไว้โหดยิ่งกว่า” หากเป็นเช่นนี้ต่อไป แสดงว่าเราไม่ได้ห่วงลูกหลานคนไทยเลย จริงไหม.