เรียกได้ว่าเป็นประเด็นร้อนแรงที่ทำเอาหลายคนเป็นห่วงไม่น้อย สำหรับนักร้องนักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง “ต้าห์อู๋-พิทยา หนุ่มตี๋” คู่จิ้นของ “ออฟโรด” หลังล่าสุดด้านต้าห์อู๋ได้ออกมาโพสต์เดือดใน X ถึงแฟนคลับซึ่งมีพฤติกรรมไม่น่ารัก ตามติดชีวิตบุกถึงที่พัก โดยเจ้าตัวได้ระบุว่า “หยุดพฤติกรรมการกระทำแบบนี้นะครับ ผมมีภาพและวีดีโอการ Stalking ที่มาที่พักของผม และมายุ่งกับรถยนต์ส่วนตัวของผมทั้งหมด ผมขี้เกียจย้อนกลับไปตามครับ ถ้าคุณยังเรียกใช้รถสาธารณะในการโดยสารนั่งออกไปจากที่อยู่ผม สำหรับเรื่องนี้ให้เป็นครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายนะครับ”

ล่าสุดในงานแจกปฏิทินช่องวัน ต้าห์อู๋ ได้เปิดใจและเล่าเหตุการณ์วันที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งเผยโมเมนต์งานวันเกิดของตัวเอง อีกทั้ง ออฟโรด ได้เผยของขวัญวันเกิดชิ้นสำคัญที่มอบให้กับคู่จิ้นตัวเอง 

โดยต้าห์อู๋ได้เผยว่า “สำหรับงานวันเกิดของผม ผมรู้สึกฟูลฟิลมาก เป็นอีกหนึ่งงานที่ผมกลับไปแล้ว ผมยังอิ่มกับโมเมนต์อยู่เลย 2 วันเต็มๆ มีความสุขมากๆ คือก่อนที่งานจะเกิดขึ้นได้ คือผมค่อนข้างกังวล ด้วยความที่ไม่เคยจัดงานใหญ่ขนาดนี้ มันก็จะมีปัญหาเยอะมาก และอีกอย่างหนึ่งเรามีอินเตอร์แฟนเกือบ 50% เลย แต่สุดท้ายแล้ว ณ ปลายทางทุกคนมีความสุข ณ วันนั้นผมมีความสุข แฟนคลับมีความสุข ทีมงานรอบตัวผมมีความสุขหมดเลย เป็นงานวันเกิดที่ผมโคตรมีความสุข ซึ่งวันนั้นเราก็จัดมาให้เลยเป็นงานวัด ตอนแรกเราสัญญาไว้แล้วว่าจะทำโต๊ะจีน แต่ว่าโต๊ะจีนอย่างเดียวมันไม่ค่อยสนุกไง ก็เลยเอางานวัดข้างนอกมาให้ด้วย มันก็มีการยกชิงช้าไว้เผื่อคนที่จากบ้านเกิดเมืองนอนอย่างผม สำหรับ international แฟน เขาจะได้มาชื่นชมแบบไทยๆ traditional แบบไทยๆ ก็เลยจัดมาให้ เพื่อความสนุก แล้วก็จะมีดนตรีสด มีอาหารอร่อยๆ ถามว่าเหมือนได้เป็นตัวเองด้วยใช่ไหม คือตัวผมค่อนข้างหลากหลาย อันนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งอัตราของผม คือมันเป็นความใฝ่ฝันว่าอยากเป็นทรงเอ ซึ่งมันเข้ากับงานวัด จริงๆ ผมต้องบอกว่าทรงเอนี่มีหลายระยะ จริงๆ ผมอยากเล่นทรงเอระยะวัยรุ่นมาก เพราะแต่ก่อนผมใส่กางเกงเจเจ เสื้อกล้ามสีส้ม แต่ว่ามันหาชุดไม่ทันก็เลยไปซื้อ Gucci มาก่อนครับ หลายคนชมว่าเหมือนมาก ผมคิดซะว่าเป็นคำชม เพราะจริงๆ เนี่ยการแต่งทรงเอผมว่าก็เท่นะ ไม่ใช่ไม่เท่ ไม่ใช่ว่าใครก็แต่งได้ แต่ใครๆ ก็แต่งได้ ผมรู้สึกว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของวัยรุ่นไทย เท่นะ ส่วนของขวัญที่ออฟโรดให้เรามา ก็ภูมิใจ อย่างที่ผมบอกว่าไม่ว่าจะเป็นของอะไรก็ตามแค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว เพราะผมเหมือนย้อนกลับมาถามความต้องการของผมคืออะไร ผมไม่ต้องการเลยผมแค่ต้องการให้คนรอบข้างผมมีความสุข เขามอบให้เรา ผมก็แค่รู้สึก แค่ได้อยู่ในโมเมนต์ด้วยกันก็พอแล้ว

สำหรับเหตุการณ์ล่าสุด ที่โดนคุกคาม ก็คือจัดงานวันเกิดก็เหมือนว่ามีคนตามเรากลับไป เราไม่รู้ว่าจุดประสงค์คืออะไร แต่มีคนแจ้งมาเป็นพี่ยาม เราก็บอกไปแล้วแหละ พี่ยามเขาก็ระมัดระวังให้แล้ว เขาก็ไปยืนอยู่ตรงรถเรา ที่นี้เราเลยรู้สึกว่า คือเราขอบคุณที่รักเรา แล้วก็ซัพพอร์ตเราแต่ว่าเราแค่รู้สึกว่า เรามีขอบเขตให้กันและกันดีกว่า อย่างน้อยผมไม่รู้เลยว่าการที่มาทำอะไรแบบนี้ สำหรับผมไม่รู้ว่าคุณจะหวังดีอะไร แต่สำหรับผมมันมีความคลาดเกี่ยวระหว่างการลุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไป อีกอย่างหนึ่งสมมุติว่าถ้ามันเป็นบ้านผมแล้วมีหม่าม๊า มีครอบครัวอยู่อะไรอย่างนี้ มันแอบอันตรายนิดนึง แล้วสำหรับผมรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ไม่ควรทำไม่ว่ากับใครก็ตาม มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ อย่างรถเองก็เป็นของส่วนตัว เรารู้สึกว่าการกระทำแบบนั้นผมรู้สึกว่าคนทั่วไปมันไม่น่าทำเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นถ้าคุณรักศิลปินของคุณ การกระทำแบบนี้อย่าทำเลยดีกว่า เราตามในขอบเขตความเป็นห่วงศิลปิน แต่ว่าการทำแบบนี้ผมรู้สึกว่าแม้กระทั่งตัวคุณเองก็อาจจะเกิดอันตรายได้ ไปยืนอยู่คนเดียวแบบมืดๆ แล้วเป็นผู้หญิงด้วย อย่างคุณเป็นชาวต่างชาติด้วย ผมรู้สึกว่าเป็นห่วง อย่างการทำอย่างนี้ผมแอบรู้สึกว่ามันค่อนข้างเข้าข่ายน่ากลัวนิดนึง ซึ่งผมกังวลนิดนึงเพราะว่าอาจไม่ใช่แค่ผม บางทีสมมุติว่าถ้ามีลูกบ้านอื่นๆ อยู่คงอาจจะรู้สึกว่าเป็นคนข้างนอกเข้ามาในพื้นที่อาศัยมันก็จะดูแย่ด้วย อย่างถ้าบอกว่าเป็นแฟนคลับผมด้วยผมก็จะดูแย่เข้าไปใหญ่ โดยเหตุการณ์อันนี้เขาตามไปถึงหน้าบ้าน แถวละแวกนั้นครับ ซึ่งบ้านเราก็เป็นหมู่บ้านไหม ไม่บอกครับ อันนี้จะแอบบอกไม่ได้ ก็จริงๆ มีเหตุการณ์ขับรถตามหลายรอบแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร ผมก็ขับสะบัดหนีให้ตลอด แต่ว่าผมรู้สึกว่าบางทีมันมากเกินไป ถามว่าผมได้เจอตัวคนที่ตามล่าสุดไหม ผมเห็นตัวเป็นๆ เลย ซึ่งผมไม่ได้มีการส่งทีมงานไปพูดคุย ผมเห็น แต่ว่ามียามมาบอก แล้วเขาก็หนีไปก่อน ครั้งนี้ใกล้ตัวเรามากๆ ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ผมว่าหลายครั้งแต่ว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไป

ส่วนหลังจากนี้เราจะมีมาตรการยังไง ผมเองคงไม่ทำแบบนั้น ผมรู้สึกว่าชีวิตเราก็ใช้ปกติ ผมแค่ขอความร่วมมือ แล้วกันว่าถ้าเรารักศิลปินเราจริงๆ อย่าทำอะไรแบบนี้เลย เอาเท่าที่พอควรดีกว่า ไม่งั้นถ้ามันมากเกินไป เราก็ระวังในพื้นที่ของเรา ถ้ามันมากเกิน เราก็ต้องปกป้องตัวเองเท่าที่ทำได้ ผมเรียนต่อยมวยมานะครับ ผมตกใจผมไม่รู้นะ”

อีกทั้งออฟโรดได้กล่าวถึงการแต่งตัวทรงเอของต้าหอู๋ว่า “จริงๆ แฟชั่นมันมีเยอะมาก จริงๆแล้วแต่คนแต่ง เป็นสไตล์ของคน ส่วนของขวัญที่ให้ต้าห์อู๋ คือของขวัญจริงๆ ให้ไปแล้ว ซึ่งตอนแรกผมทำเซอร์ไพรส์เขา แต่มันไม่เนียนเท่าตอนที่ให้แหวนเขาไง คือตอนแรกกะว่าเราจะให้สร้อยเขา ผมไปซื้อแยกมาเลย ของเล่นๆ นี้ก็คือเกือบหมื่นเหมือนกัน  แต่ว่าก็คือที่ให้เขาก็ฟิลแบบเป็นหัวใจ แล้วเขาก็นั่งนิ่งเลย เหมือนรู้อยู่แล้ว ผมก็เลยแบบแกล้งพี่อู๋ไม่สนุกเลย แต่ผมก็เลยเซอร์ไพรส์ เปลี่ยนเป็นซื้อรองเท้าให้เขา เป็น 2 ชิ้น ต้องคู่เนาะ ก็เป็นรองเท้า ก็เหมือนแบบว่าเป็นรองเท้าคอยซัพพอร์ตเขา แบบไปอยู่ข้างๆ เขา ถามว่าทำไมถึงเป็นสร้อยหัวใจ มันสื่ออะไรหรือเปล่า จริงๆ มันน่ารักดีครับ มันก็เหมือนเป็นสีแดงๆ แล้วพี่เขาชอบสีดำ-แดงอยู่แล้วก็เลยรู้สึกว่า เราอยากจะให้เหมือนเป็นฟิลมอบใจไปให้พี่เขา ซึ่งใจออฟโรดไม่ได้อยู่ที่ต้าห์อู๋อยู่แล้วเหรอ คือเราสามารถมอบให้ทุกวันถูกไหม เหมือนกับกำลังใจกับแฟนคลับก็ให้กันได้ทุกวัน ส่วนเหตุการณ์ล่าสุดที่พี่อู๋เจอจริงๆ มันไม่ใช่ครั้งแรกอย่างที่พี่อู๋บอก ก็อย่างที่บอกแค่ระวังครับ เขาไม่เป็นอะไร ผมก็ดีใจแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความเป็นส่วนตัวของเขาด้วย แล้วก็ของทุกๆ คนด้วย จริงๆ ก็ไม่ควรทำกับใครเลย ก็อย่างที่พี่อู๋พูดไปทั้งหมดเลยครับ”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก oueiija , totogaback