เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 68 พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงกรณีพนักงานอัยการคดีพิเศษ สั่งไม่ฟ้อง น.ส.พีชญา วัฒนามนตรี หรือมิน และนายยุรนันท์ ภมรมนตรี หรือแซม สองนักแสดงชื่อดังซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาในคดีดิไอคอนฯ โดยอธิบดีดีเอสไอมีหน้าที่ต้องทำความเห็นแย้งหรือความเห็นพ้อง ว่า คดีนี้เราได้มีการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 18 ราย แต่พนักงานอัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้องสองรายดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างกระบวนการที่พนักงานอัยการจะเสนอเรื่องกลับมาที่ดีเอสไอเพื่อทำความเห็นว่าจะเห็นแย้งหรือไม่อย่างไร หากดีเอสไอทำความเห็นแย้ง จะต้องส่งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อชี้ขาดแทน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังรอสำนวนสอบสวนและความเห็นของพนักงานอัยการคดีพิเศษอยู่ หากได้รับมาแล้วจึงจะต้องตั้งคณะทำงานกลั่นกรองความเห็นเสนอแก่ตนเอง แต่จะทำเพื่อความรอบคอบ และเบื้องต้นดีเอสไอมีกรอบพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยด้วยว่า หากได้รับเรื่องเสนอกลับจากอัยการคดีพิเศษเมื่อใด ตนจะได้มอบหมายให้กองบริหารคดีพิเศษ นำคดีเทียบเคียงอื่น ๆ หรือคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีใกล้เคียง มาร่วมพิจารณาเพื่อเป็นการดูให้รอบคอบก่อนที่ตนจะพิจารณาว่าจะเห็นแย้งหรือเห็นพ้องต่อคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการคดีพิเศษ ทั้งนี้ จากที่ตนเองได้ทำสำนวนมา จะพิจารณาว่าเห็นแย้งหรือเห็นพ้องมันอยู่ที่ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ก็ต้องดูว่ากรณีที่พนักงานอัยการคดีพิเศษสั่งไม่ฟ้องมีเหตุผลอย่างไรบ้าง เพราะหลังจากที่เราสอบสวนและมีความเห็นสั่งฟ้องไปก็มีพยานหลักฐานส่วนหนึ่งแล้ว แต่พนักงานอัยการได้มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม เราก็ต้องดูผลการสอบสวนเพิ่มเติมนั้น ว่าสามารถมาหักล้างพยานหลักฐานที่เราได้รวบรวมไปหรือไม่ ตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ในชั้นนี้ว่าจะมีความเห็นแย้งหรือเห็นพ้องกับคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ
พ.ต.ต.ยุทธนา เผยต่อว่า สำหรับคดีพิเศษที่ 115/2567 หรือกรณีคดีฟอกเงินทางอาญาของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ซึ่งมีผู้ต้องหาจำนวน 3 ราย ได้แก่ นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช นางวิลาวัลย์ พุทธสัมฤทธิ์ แม่ของนายสามารถ และนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ว่า เท่าที่รับทราบรายงานล่าสุดจากพนักงานสอบสวน ทราบว่าทางผู้ต้องหาได้มีการส่งหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาเข้ามาแล้ว ส่วนจะรับฟังหรือหักล้างข้อกล่าวหาได้หรือไม่นั้น ก็อยู่ที่คณะพนักงานสอบสวนจะพิจารณา ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนก็ใกล้จะมีการสรุปสำนวนการสอบสวนกรณีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ต่อพนักงานอัยการภายในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ เพราะจะครบกำหนดการฝากขังผัดแรกแล้ว นอกจากนี้ การกระทำความผิด ฐานร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน จะมีการแยกพิจารณาเป็นรายกรรมการกระทำความผิด หากสำนวนไหนจะครบกำหนดควบคุมผู้ต้องหา เราก็สามารถส่งสำนวนให้อัยการได้พิจารณาก่อนได้ ส่วนพฤติการณ์การรับโอนเงินไปยังส่วนอื่น หรือบัญชีปลายทางอื่น เราสามารถแยกดำเนินการตามหลังต่อเนื่องได้.