นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.)  เปิดเผยว่า  ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเชียงใหม่ ได้น้อมนำพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาดำเนินการ ตั้งแต่การฟื้นฟูพื้นที่จากความแห้งแล้งสู่ป่าสมบูรณ์ด้วยการปลูกป่าตามแนวทางที่พระองค์พระราชทาน เช่น ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูก และปลูกป่าโดยใช้พันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่มีอยู่เดิมมาปลูกเสริม ควบคู่กับการจัดทำระบบชลประทานแบบป่าเปียก จากไม่มีต้นไม้ ปัจจุบันกลับคืนความอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้เขียวขจีมีความชื้นเป็นผลดีต่อการทำการเพาะปลูกของประชาชนโดยรอบพื้นที่ และจังหวัดทางภาคเหนือ

“ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ได้ทำการศึกษา วิจัย ทดลอง ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำกินที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและพื้นที่ของภาคเหนือ มีผลสำเร็จมากมายซึ่งได้เปิดให้ประชาชนในพื้นที่และห่างไกลเข้าศึกษาเรียนรู้แล้วนำไปทำในพื้นที่ของตนเอง จนประสบความสำเร็จจำนวนไม่น้อย เพื่อให้ความสำเร็จเหล่านี้ได้เข้าถึงประชาชนที่สนใจเพิ่มมากขึ้น ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ จึงได้ขยายผลสู่ราษฎรในพื้นที่รอบศูนย์ฯ และจังหวัดทางภาคเหนือ เช่น  ศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริด้านเกษตรผสมผสาน ของนางดาวเรือง เจริญทรัพย์  ซึ่งได้เข้าศึกษาดูงาน ฝึกอบรมการทำเกษตรแบบผสมผสานจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ แล้วนำความรู้เหล่านั้นไปทำในพื้นที่ของตนเอง และประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ ปัจจุบันได้เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน”

นางดาวเรือง เจริญทรัพย์  เกษตรกรศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริด้านเกษตรผสมผสาน  ตำบลป่าเมี่ยง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เดิมปลูกมะขามหวานในรูปแบบเกษตรเชิงเดี่ยวมีผลผลิตปีละครั้ง บางปีมะขามติดเชื้อราขายไม่ได้ก็ขาดทุน รายได้ไม่เพียงพอเกิดภาวะหนี้สินที่ยืมมาจากแหล่งเงินทุน ต้องหาอาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้  จึงเข้าศึกษาดูงานและฝึกอบรมการทำเกษตรแบบผสมผสานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องใคร้ฯ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากบ้าน 12 กิโลเมตร เมื่อทำแล้วประสบความสำเร็จ มีผลผลิตขายได้ตลอดทั้งปี หากพืชตัวไหนมีปัญหาก็จะมีพืชชนิดอื่นทดแทนให้ได้ขาย ทำให้มีผลผลิตขายอย่างต่อเนื่องทั้งปี จากนั้นจึงเข้ารับการอบรมจากทางศูนย์ฯ ในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง

ในพื้นที่จำนวน 20 ไร่ ได้จัดสรรเป็นพื้นที่อยู่อาศัย สร้างบ่อกบ ขุดบ่อเลี้ยงปลาดุก จำนวน 1 ไร่  ปลูกกล้วยน้ำว้า  2 ไร่  ปลูกไม้ผลและผักหวานป่า 17 ไร่ ปัจจุบันเป็นศูนย์เรียนรู้ตามแนวพระราชดำริด้านเกษตรผสมผสาน ที่ได้รับการขยายผลจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ผู้สนใจสามารถเดินทางเข้ามาศึกษาดูงานได้ในหลายฐานการเรียนรู้ เช่น  ฐานการเรียนรู้การเลี้ยงปลา เช่น ปลานิล ปลาดุกบิ๊กอุย  การปลูกไม้ผลประเภทมะม่วง มะขาม ลำไย มะละกอ กล้วยหอม  การเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์กบประเภทกบนา  การปลูกพืชผัก อาทิ ผักกาด ฟักทอง กะหล่ำปลี คะน้า พริก มะเขือ ถั่วฝักยาว  การปลูกผักหวานป่า  และการแปรรูปผลผลิตการเกษตรในรูปการตากแห้ง เป็นต้น