ดร.วรชล ถาวรพงษ์ รองผอ.สำนักเทศกิจ  เปิดเผยให้ฟังว่า มีหลายสิ่งที่ประชาชนเข้าใจผิดว่าสามารถกระทำได้เพราะเป็นเรื่องที่ทำกันมานาน แต่ความจริงแล้วเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายและห้ามทำ ขณะนี้ กทม.เดินหน้าตามนโยบายของผู้บริหาร กทม.ในการจัดระเบียบบ้านเมือง ทั้งเรื่องการคืนทางเท้าให้ประชาชนได้สัญจร การจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่แผงลอย การกวดขันผู้กระทำความผิดขับขี่หรือจอดรถจักรยานยนต์-รถยนต์บนทางเท้า รวมทั้งการกวดขันขอทานไทย-ต่างด้าว            

เริ่มด้วย เรื่องของ การเทปูนเชื่อมจากทางเท้าลงถนน เพื่อเป็นทางขึ้นลงรถที่จอดในบ้าน ในอาคาร ซึ่งมักจะเห็นได้ในถนนสายหลัก และสายรองนั้น ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเมือง พ.ศ.2535 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ทำลายทรัพย์สินราชการ เป็นการละเมิดที่สาธารณะ อีกทั้งการเทปูนยื่นล้ำออกมานั้นหลายที่ไปอุดตันช่องทางการระบายน้ำ รวมถึงบางครั้งเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้นสำนักงานเขตทั้ง 50 เขตจึงดำเนินการทุบทำลายเพื่อไม่ให้กีดขวาง สำหรับกรณีนี้หากมีการรับว่าเป็นเจ้าของและดำเนินการเทปูนเชื่อมจากทางเท้าลงมายังผิวจราจรซึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะ ก็จะมีความผิดโดยมีโทษจำคุก 3 ปี และปรับ 30,000 บาท

รองผอ.สำนักเทศกิจ เปิดเผยต่อไปว่า ส่วน การกั๊กที่จอดรถตามพื้นที่ทางสาธารณะ นั้นก็ไม่สามารถทำได้ และยังเป็น ความผิดเช่นกัน ตามมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ ที่ห้ามมิให้มีการวาง ตั้ง กองวัตถุใด ๆ บนท้องถนน โดยมีการกำหนดโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เทศกิจของสำนักเทศกิจและสำนักงานเขต ดำเนินการกวดขันการตั้งวางกันที่จอดรถ เมื่อพบก็จะยกเก็บทันที ก่อนรอให้เจ้าของมาเสียค่าปรับและรับกลับไป ทั้งนี้ หากประชาชนเห็นตรงจุดไหนที่มีการตั้งวางจองไว้ในพื้นที่สาธารณะ สามารถถ่ายภาพแล้วแจ้งมายังทราฟฟี่ฟองดูว์ หรือเพจของสำนักเทศกิจและเพจของสำนักงานเขตทั้ง 50 เขตได้ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการยกออก

ต่อมาเรื่องที่ถูกพูดถึงในสังคมออนไลน์เมื่อไม่นานมานี้ คือ ขอทาน ที่ตำรวจจับกุมได้มีทั้งขอทานชาวไทยและต่างด้าว ซึ่งการขอทานนั้นเป็น ความผิดตามตาม พ.ร.บ.ควบคุมการขอทาน พ.ศ.2559  โทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากผู้ใดแสวงหาประโยชน์จากผู้ทำการขอทานนั้นจะมีโทษสูงสุด จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับขอทานต่างด้าว เมื่อถูกจับกุมตัวแล้วทางตำรวจจะดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศ

 “ขอประชาสัมพันธ์ประชาชนและนักท่องเที่ยว หากพบเห็นขอทานให้แจ้งไปยังตำรวจ สำนักงานเขต หรือแจ้งลงยังทราฟฟี่ฟองดูว์ได้ และไม่ควรให้เงินเพราะเหมือนเป็นการสนับสนุนให้คนกระทำผิดซ้ำ”

ขณะที่ การตั้งวางแผงค้าบนทางเท้าในจุดที่ไม่อนุญาตให้ดำเนินการค้าขายนั้นก็มีความผิดตามมาตรา 20 แห่ง พ.ร.บ.รักษาความสะอาดฯ ถูกปรับไม่เกิน 2,000 บาท อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน กทม.ดำเนินการจัดระเบียบผู้ค้าหาบเร่แผงลอยโดยดำเนินการยกเลิกจุดผ่อนผ่อนไปแล้วหลายจุด ซึ่งปี 68 นี้ก็ยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อคืนทางเท้าให้ประชาชนสัญจรได้สะดวก

รองผอ.เทศกิจ กล่าวถึงเรื่องสุดท้ายที่ประชาชนมักละเลยและกระทำผิดเป็นประจำนั่นคือ การลักลอบขับขี่หรือจอดรถยนนต์และรถจักรยานยนต์บนทางเท้า ซึ่งปัจจุบัน กทม.ดำเนินการกวดขันอย่างจริงจัง ทั้งเจ้าหน้าที่เทศกิจตั้งโต๊ะดำเนินการจับ-ปรับ และใช้กล้อง AI คอยตรวจจับควบคู่กัน ซึ่งปัจจุบันจะเป็นการ เปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565.

ทีมข่าวชุมชนเมืองรายงาน