สำนักข่าวซินหัวรายงานจากเมืองลักซอร์ ประเทศอียิปต์ เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ว่าทีมนักโบราณคดี นำโดยนายซาฮี ฮาวาส ขุดพบส่วนฐานสภาพดีของวิหารวัลเลย์หรือวิหารหุบเขา ซึ่งทำหน้าที่เป็นทางเข้าหลักสู่วิหารฝังพระศพของฟาโรห์แฮตเชปซุต มีความเก่าแก่ที่สามารถสืบย้อนกลับถึงยุคราชวงศ์ที่ 18 (ราว 1539-1292 ปีก่อนคริสต์ศักราช)


ทั้งนี้ มีการค้นพบท่อนหินตกแต่งและเศษชิ้นส่วนที่ถูกแกะสลักและจารึกอย่างประณีตกว่า 1,000 ชิ้น ซึ่งถือเป็นตัวอย่างผลงานประติมากรรมหายาก จากยุคฟาโรห์แฮตเชปซุตและยุคฟาโรห์ทุตโมสที่ 3 ผู้สืบทอดราชบัลลังก์ในเวลาต่อมา


ด้านรัฐบาลอียิปต์ยืนยันว่า จารึกเหล่านี้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งได้รับการขุดพบจากวิหารวัลเลย์ ที่ถูกทำลายโดยเจตนา ในยุคฟาโรห์รามเลส (ราว 1292-1077 ปีก่อนคริสต์ศักราช)


นอกจากนั้น มีการค้นพบแผ่นหินปูนและหินควอดไซต์มากกว่า 100 แผ่น ซึ่งถูกประทับตราคาร์ทูชหรือตราราชวงศ์ของฟาโรห์แฮตเชปซุต โดยแผ่นหินเหล่านี้ กอปรกับซากฐานรากอื่น ๆ ช่วยยืนยันความเป็นเจ้าของวิหารวัลเลย์ของฟาโรห์แฮตเชปซุต

ขณะเดียวกัน ทีมนักโบราณคดียังขุดพบสุสานหินและโบราณวัตถุจากยุคอาณาจักรกลาง (ราว 1938-1630 ปีก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่งรวมถึงสุสาน “ผู้ดูแลพระราชวัง” ของราชินีเตติเชรี จากยุคราชวงศ์ที่ 17 (ราว 1630-1540 ปีก่อนคริสต์ศักราช) และมีการค้นพบหลุมศพจากยุคอาณาจักรกลาง สุสานขนาดใหญ่ และเหรียญสัมฤทธิ์จากยุคปโตเลมี ซึ่งเป็นยุคราชวงศ์สุดท้ายของอียิปต์โบราณ อีกด้วย.

ข้อมูล-ภาพ : XINHUA