เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พา นายรุ่งชัย จันทร์ฉาย อายุ 33 ปี ผู้เสียหาย เจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ หลังถูก “นายยาว” ลูกจ้างรับเหมาก่อสร้าง ขโมยเครื่องปั่นไฟ และนำไปจำนำที่เต็นท์รถแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นนทบุรี โดยมีคนอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศจ่า พาไปจำนำในราคา 15,000 บาท ซึ่งผู้เสียหายพยายามติดต่อกับเต็นท์รถเพื่อขอคืน และแสดงความเป็นเจ้าของเครื่องปั่นไฟดังกล่าว แต่ทางเจ้าของเต็นท์รถปฏิเสธ อ้างว่าให้ผู้เสียหายต้องไปแจ้งความ และนำหลักฐานมาติดต่อรับของคืน แล้วยังต้องเสียค่าไถ่ถอนเครื่องปั่นไฟ 15,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 2,000 บาทด้วย

โดย นายรุ่งชัย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งได้มีการต่อเติมร้านอาหาร จึงว่าจ้าง “นายยาว” ให้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ซึ่งตลอดเวลาทำงานมานั้น “นายยาว” ได้เบิกค่าจ้างล่วงหน้า เป็นเงิน 40,000 บาท แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหาเงินมาคืนได้ จึงขอมาเป็นช่างรายวัน โดยรับค่าจ้างวันละ 600 บาท ต่อมานายยาวบอกกับตนเองว่าจะนำเครื่องปั่นไฟไปเก็บรักษาไว้ให้ที่บ้านของตัวเอง กระทั่งใกล้เสร็จงานต่อเติมร้าน ตนจึงสอบถามถึงเครื่องปั่นไฟกับนายยาว แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ตนจึงเค้นสอบถามความจริงกับ จนทราบว่าถูกเอาไปจำนวนกับ เจ้าของเต็นท์รถแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี เป็นเงินจำนวน 15,000 บาท โดยมีนายเต้ย ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นตำรวจยศจ่าพาไป หลังจากนั้นตนได้พยายามติดต่อไปยังเต็นท์รถเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ และขอเครื่องปั่นไฟคืน แต่ปรากฏว่าทางเต็นท์รถบอกกับตนว่า ได้ซื้อเครื่องปั่นไฟมาอย่างถูกต้อง และบอกให้ตนเองไปแจ้งความ พร้อมนำใบแจ้งความมายืนยัน ตนจึงตัดสินใจมาร้อง กัน จอมพลัง เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้เครื่องปั่นไฟคืน

ด้าน นายเต้ย อายุ 29 ปี เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับ นายยาว เพราะบ้านอยู่ใกล้กัน ยอมรับว่าเป็นคนพานายยาวนำเครื่องปั่นไฟไปจำนำจริง เนื่องจาก นายยาว เข้ามาขอความช่วยเหลือ บอกกับตนว่าลำบากไม่มีเงินใช้ และนายยาวก็ยืนยันกับตนเองว่า เครื่องปั่นไฟดังกล่าว เป็นของนายยาวเอง ที่ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งตนก็เห็นว่าเครื่องปั่นไฟนี้อยู่ท้ายรถกระบะของ นายยาว อยู่เป็นประจำ บวกกับตนเองเห็นว่า นายยาว เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างจึงเข้าใจว่าน่าจะมีเครื่องปั่นไฟเป็นของตัวเองจริง พร้อมชี้แจงว่า ตนเองไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นอาสาสมัครที่ช่วยเหลืองานตำรวจ มานานกว่า 8-9 ปี ยืนยันว่าในวันที่เกิดเหตุตนไม่มีการอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ และไม่ได้มีส่วนแบ่งใด ๆ กับเรื่องนี้อย่างแน่นอน อยากแสดงความบริสุทธิ์ใจโดยการมอบเงิน 5,000 บาท ให้กับผู้เสียหายเพื่อช่วยไถ่ถอนเครื่องปั่นไฟ

พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว นายยาว ผู้ต้องหา ได้แล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ เบื้องต้นเจ้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหา คือ “…ลักทรัพย์นายจ้าง…” ขณะนี้นำตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดนนทบุรี เรียบร้อยแล้ว ส่วนที่มีการอ้างว่ามีตำรวจยศจ่าเป็นคนพาผู้ต้องหานำเครื่องปั่นไฟไปจำนำที่เต็นท์รถนั้น จากการตรวจสอบยืนยันว่า นายเต้ย ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเพียงอาสาสมัครที่ช่วยงานตำรวจเท่านั้น แต่ชาวบ้านมักจะเรียกให้ฉายากันว่า “จ่า” ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนว่า นายเต้ย มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องดูเจตนาเป็นหลัก หากพบว่ามีความเกี่ยวข้องนั้นก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้นแม้จะเป็นอาสาก็ตาม

ต่อมา นายเอก อ้างว่าเป็นหลานเจ้าของเต็นท์รถที่รับจำนำเครื่องปั่นไฟจาก นายยาว โทรศัพท์ติดต่อมายัง พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ พร้อมเปิดเผยว่า ทางเฮียเจ้าของเต็นท์รถได้เห็นไลฟ์สดของ “กัน จอมพลัง” เกิดความไม่สบายใจ และไม่ได้อยากเป็นประเด็นข่าว โดยไม่พร้อมให้สัมภาษณ์ จึงให้ตนเองติดต่อมายัง ผกก. เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และเจรจา พร้อมยืนยันว่าทางเจ้าของเต็นท์รถไม่ทราบว่า นายยาว ไปก่อเหตุขโมยเครื่องปั่นไฟ แล้วนำมาจำนำ ส่วนสาเหตุที่ทางเต็นท์รถรับจำนำนั้น เพราะเฮียเป็นคนขี้สงสาร และชอบช่วยเหลือคน หลังจากนี้ทางเต็นท์ยินดีที่จะคืนเครื่องปั่นไฟดังกล่าว ให้กับทางผู้เสียหายโดยไม่รับเงินใด ๆ ทั้งสิ้น และขอโทษผู้เสียหายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่อาจจะมาจากความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน เพราะ นายยาว ได้อ้างกับเต็นท์ว่าเครื่องปั่นไฟนี้เป็นของ นายยาวจริงๆ

“กัน จอมพลัง” กล่าวว่า วันนี้มี FC มาขอความช่วยเหลือให้ตนมาเป็นตัวกลางที่เจรจาพูดคุยกับทุกฝ่าย โดยใช้ระยะเวลากว่า 1 ชั่วโมง ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว พร้อมชื่นชมทางฝั่งของผู้เสียหาย และเต็นท์รถ ที่สามารถเจรจาตกลงกันได้ โดยไม่ติดใจเอาความ ซึ่งความตั้งใจแรกของผู้เสียหาย และนายเต้ย ก็พร้อมที่จะจ่ายเงินจำนวน 15,000 บาท ให้กับเต็นท์รถเพื่อไถ่ถอนคืนเครื่องปั่นไฟ แต่เมื่อคุยโทรศัพท์กับนายเอก หลานเจ้าของเต็นท์รถ ทางเต็นท์รถก็ไม่ติดใจที่จะรับเงินเช่นเดียวกัน และยินดีที่จะคืนเครื่องปั่นไฟให้กับผู้เสียหายทันที สำหรับกรณีดังกล่าวแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็ไม่ควรเกิดขึ้นกับใคร.