เมื่อวันที่ 11 ม.ค. นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงสถานการณ์ไฟไหม้ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาเสียดอ้า ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ระบุว่า ก่อนอื่นขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ กรม ปภ. อบต.พญาเย็น อบต.ปากช่อง อบต.ขนงพระ อบต.หนองน้ำแดง ทต.สีมามงคล อาสาสมัคร มูลนิธิ สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ ในการเผชิญเหตุไฟป่าเขาลอยในครั้งนี้ ให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
นายภัทรพงษ์ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ไฟป่าในพื้นที่ป่าสงวนฯ เขาลอย ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ที่พบจุดความร้อนจากไฟป่าครั้งแรกในวันที่ 3 ม.ค. จนถึงเช้ามืดวันนี้ 11 ม.ค. ก็ยังพบจุดความร้อนในพื้นที่เขาลอยอยู่ ปัจจุบันประเมินความเสียหายไว้ที่ประมาณ 2,000 ไร่ ซึ่งภารกิจด้านไฟป่าในพื้นที่ป่าสงวนฯ นั้น ถูกถ่ายโอนให้เป็นความรับผิดชอบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ นั่นคือ อบต.พญาเย็น นั่นเอง
นายภัทรพงษ์ กล่าวต่อไปว่า แต่ปัญหาที่ผมได้อภิปรายไว้ตั้งแต่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 เมื่อปีที่แล้วนั่นก็คือ งบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้หน่วยงานต่าง ๆ กับภารกิจไฟป่านั้นไม่เพียงพอ โดยเฉพาะกับท้องถิ่นที่ดูแลไฟป่าในพื้นที่ป่าสงวนทั่วประเทศ ที่ในปีงบประมาณ 2568 นี้ ทางกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ของบประมาณให้กับ อบต. 1,800 แห่ง มาใช้ในภารกิจป้องกันไฟป่า รวม 1,323 ล้านบาท แต่กลับได้รับอนุมัติเพียงแค่ 90 แห่ง หรือ 122 ล้านบาทเท่านั้น และกับเหตุการณ์นี้ “อบต.พญาเย็น ไม่ได้งบประมาณในด้านไฟป่าเลยแม้แต่บาทเดียว” ทำให้เมื่อไปดูข้อบัญญัติงบประมาณปี 68 ของ อบต.พญาเย็น อบต. มีเพียงแค่โครงการอบรมป้องกันไฟป่า 10,000 บาท และงบกลางสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินภัยพิบัติ 200,000 บาทเท่านั้น (ก้อนนี้ยังต้องใช้กับภัยแล้ง และน้ำท่วมด้วย)
“ผมเชื่อมั่นครับ หากท้องถิ่นมีงบประมาณในการป้องกันไฟป่าที่เพียงพอแต่แรก ท้องถิ่นจะมีงบประมาณในการจัดวอร์รูมรับมือไฟป่า แนวกันไฟ หน่วยเฝ้าระวัง ลาดตระเวน หรือแม้กระทั่งหอคอยดูไฟป่า แล้วเมื่อเกิดไฟป่า ท้องถิ่นจะสามารถเข้าควบคุมได้แต่เนิ่น ๆ ไม่ลุกลามถึงขั้นที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบัน” นายภัทรพงษ์ ระบุ
นายภัทรพงษ์ ระบุต่อว่า ปัญหางบประมาณไฟป่าไม่ได้ถูกมองข้ามแต่เพียงงบท้องถิ่น กรมอุทยานฯ ที่ดูแลไฟป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ งบประมาณปี 68 นี้ ตั้งคำขอไป 1,478 ล้านบาท แต่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเพียงแค่ 392 ล้านบาท และกรมป่าไม้ขอไป 509 ล้านบาท แต่ก็ได้เพียงแค่ 137 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งงบประมาณในส่วนของโดรนตรวจจับความร้อนและเครื่องเป่าลม ก็ถูกตัดออกแทบทั้งหมด ทำให้ปีนี้อุทยานฯ ต้องนำเงินนอกงบประมาณของตัวเอง เงินที่ได้จากค่าบำรุงอุทยานที่พวกเราเข้าไปเยี่ยมชม มาซื้ออุปกรณ์เหล่านี้แทน และเมื่องบประมาณรายจ่ายประจำปีไม่เพียงพอ หน่วยงานต้องทำอย่างไรครับ “ของบกลาง”
นายภัทรพงษ์ ระบุต่อไปว่า ปัญหาในส่วนของงบกลาง ที่ปัจจุบันก็ยังไม่แม้แต่เข้าในที่ประชุม ครม. เลย ซึ่งในส่วนนี้ผมได้เสนอในการอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลชุดนี้เมื่อเดือน ก.ย. แล้วว่า ต้องเริ่มเข้าที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาในเดือน ธ.ค. และเคาะงบอย่างช้าไม่เกินเดือน ม.ค. นี้ ซึ่งผมหวังว่ารัฐบาลจะเร่งดำเนินการในส่วนนี้ เพราะถึงปัจจุบันงบกลางก้อนนั้นยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของสำนักงบประมาณอยู่เลย ยังไม่ได้ถูกนำเข้าที่ประชุม ครม. ผมหวังว่ารัฐบาลจะเรียนรู้จากความผิดพลาดในปีที่แล้วที่อนุมัติงบกลางกันล่าช้า ไม่รอจนเดือน พ.ค. ที่ไฟป่าไหม้หมดแล้วถึงอนุมัติงบกลาง แบบปีที่แล้ว
นายภัทรพงษ์ ระบุต่อไปว่า งบประมาณอีกส่วนหนึ่งที่ผมเสนอแนะไปแล้วตั้งแต่เดือน มิ.ย. แล้วเน้นย้ำอีกรอบในการอภิปรายแถลงนโยบาย นั่นคือ เงินภัยพิบัติ หรือเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินนั่นเอง เงินก้อนนี้สำคัญมาก เงินก้อนนี้จะทำให้หน่วยงานสามารถหยิบนำเงินมาใช้ในเวลาฉุกเฉินได้เลย แล้วส่งหลักฐานการใช้จ่ายให้กรมบัญชีกลางในภายหลัง งบประมาณก้อนนี้ก็ยังไม่ได้แก้ระเบียบ ทำให้การใช้เงินก้อนนี้กับไฟป่าทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ทั้งหมดนี้เราจะเห็นชัดเจนครับ ว่า ปัญหาด้านงบประมาณกับไฟป่านี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่ไม่เคยถูกพูดถึง แต่เป็นปัญหาเดิม ๆ ที่ถูกมองข้ามมาทุกยุคทุกสมัย
“สุดท้ายขอให้ทุกคนร่วมส่งกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานฯ กรมป่าไม้ กรม ปภ. อบต.พญาเย็น อบต.ปากช่อง อบต.ขนงพระ อบต.หนองน้ำแดง ทต.สีมามงคล อาสาสมัคร มูลนิธิ สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ ในการเผชิญเหตุไฟป่าเขาลอยในครั้งนี้ ให้ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีครับ” นายภัทรพงษ์ ระบุ.