จากกรณี พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจนครบาล รับมอบตัวนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ “เอ็ม กองเรือ” อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “…ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง…” และหมายจับศาลอาญาพระโขนง ข้อหา “ยักยอก” โดยรับมอบจากฝ่าย ตร.กัมพูชา ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง เขาดิน-พนมได ชายแดนไทย-กัมพูชา ต.คลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเที่ยงวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว “นายเอ็ม” ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ จาก ตชด.12 จังหวัดสระแก้ว เพื่อมุ่งหน้ามาที่กองบินตำรวจเป็นที่เรียบร้อย โดยมีหน่วยอรินทราช 26 พร้อมอาวุธครบมือ รอทำการควบคุมตัวไปยัง สน.ชนะสงคราม เพื่อสอบสวนขยายผลตามขั้นตอนกฎหมาย

ทั้งนี้ ก่อนจะถูกพาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ หรือ “สารวัตรแจ๊ะ” ได้อ่านหมายจับและข้อหาให้ นายเอ็ม ได้รับทราบก่อนที่ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น จะซักถามคำให้การ โดย “นายเอ็ม” กล่าวว่า “…ผมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ผมทำผิดก็ยอมรับผิดอยู่แล้วครับ กล้าทำก็กล้ารับ…”

สำหรับการแกะรอยติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุในครั้งนี้ หลังจากหลบหนีเข้าพื้นที่ประเทศกัมพูชา ทางตำรวจไทยได้มีการประสานงาน และได้รับการสนับสนุนกำลัง มีการลงพื้นที่ไล่ล่าตัว โดยมี พ.ต.อ.Tim Vichay ผกก.สถานีตำรวจสำเภารูน ประเทศกัมพูชา ร่วมกับตำรวจไทย สืบสวนจนทราบว่าหลังจากที่จ่าเอ็ม ข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาแล้ว ได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ไม่ไกลจากแนวชายแดน แต่เมื่อเดินทางไปตรวจสอบพบว่านายเอ็ม กองเรือ ได้เช็กเอาต์ออกจากโรงแรมไปแล้ว ก่อนจะขึ้นรถรับจ้างเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปยังใจกลางเมืองหลวงพนมเปญ จึงได้ติดตามกันไป กระทั่งเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 68 เวลาประมาณ 16.30 น. ก็ได้พบกับนายเอ็ม กองเรือ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน ต.ปเรยสวย อ.โมงรึไทร จ.พระตะบอง จึงทำการควบคุมตัวไว้ได้ ซึ่งเป็นการจับกุมผู้ก่อเหตุได้ภายใน 24 ชั่วโมง.