“โรคเบาหวาน” เป็นโรคที่หลายคนเข้าใจว่าเกิดขึ้นได้กับผู้ใหญ่ แต่ที่จริงสามารถพบในเด็กได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่อายุต่ำกว่า 10 ปี  และมีสาเหตุหลักๆ มาจากพฤติกรรมการกินจุ กินของทอด ของมัน ขนมหวาน  จึงจำเป็นที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรใส่ใจเรื่องสุขภาพร่างกายและการรับประทานอาหารของบุตรหลาน

“โรงพยาบาลพญาไท 2” มีคำแนะนำเกี่ยวกับสาเหตุของโรค และวิธีสังเกตอาการความผิดปกติของเด็ก แม้คนเรามีภาวะเบาหวานแฝงอยู่มาตั้งแต่เด็ก แต่ด้วยระดับความรุนแรงของโรคและพฤติกรรมการใช้ชีวิตอาจส่งผลให้โรคเบาหวานแสดงอาการช้า มาแสดงอาการในตอนที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นหรือวัยผู้ใหญ่

โรคเบาหวานในเด็กกับในผู้ใหญ่แบ่งเป็น 2 ชนิดเหมือนกัน แต่แตกต่างตรงที่โรคเบาหวานชนิดที่ 1 พบมากในเด็ก ซึ่งเกิดจากภาวะขาดอินซูลิน โดยเป็นเรื่องความผิดปกติของยีน ส่งผลให้เซลล์ตับอ่อนถูกทำลาย และไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้

ส่วนชนิดที่พบมากในผู้ใหญ่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 คือตับอ่อนสามารถผลิตอินซูลินได้ แต่อินซูลินทำงานได้ไม่ดีพอ ทำให้มีปัญหาเรื่องการเผาผลาญน้ำตาล ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงเกิน

สัญญาณเตือนแบบไหน ควรพาเด็กไปคัดกรองเบาหวาน

สำหรับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 พ่อแม่ผู้ปกครองสังเกตได้จากอาการเหล่านี้

-ปัสสาวะบ่อย

-ดื่มน้ำเยอะ

-น้ำหนักลด แต่กินจุ กินเก่ง

-ไม่สดชื่น พลังในการทำกิจกรรมหรือการเล่นลดลง

-บางรายลมหายใจอาจมีกลิ่นคล้ายกลิ่นผลไม้ ซึ่งเกิดจากภาวะคีโตนในเลือดสูง

ส่วนโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มักไม่อาการแสดงชัดเจน ดังนั้น หากเด็กมีน้ำหนักตัวมากหรือมีภาวะอ้วน และผิวหนังบริเวณคอหนาดำ ไม่ว่าครอบครัวจะมีประวัติเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ ควรพาเด็กไปตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน

โรคเบาหวานในเด็ก เสี่ยงภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้หรือไม่

ในกรณีที่เบาหวานอยู่ระยะรุนแรง จะส่งผลให้มีเด็กอาการปัสสาวะบ่อย ขาดเกลือแร่จนมีอาการอ่อนเพลีย ระดับน้ำตาลในเลือดสูง มีภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งจะส่งผลให้มีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก หากถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลช้า อาจเสี่ยงต่อภาวะโคม่าได้

ป้องกันอย่างไรไม่ให้ลูกเป็นเบาหวาน

หากเปลี่ยนจากนมวัว เป็นนมแม่ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 เพราะมีงานวิจัยพบว่าเด็กที่ดื่มนมวัว อาจเพิ่มโอกาสการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเพราะสารในนมวัวกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ตับอ่อน ทำให้สร้างอินซูลินไม่ได้ นอกจากนี้ ถ้าไม่มีพฤติกรรมอื่นๆกระตุ้นยีนผิดปกติแฝงอยู่ในร่างกายผู้ป่วยตั้งแต่แรกเกิด โอกาสในการเกิดโรคก็อาจช้าขึ้นได้

ส่วนโรคเบาหวานชนิดที่ 2 คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเรื่องอาหาร ไม่ให้ลูกกินอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตหรือน้ำตาลปริมาณมากเกินไป และออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะจะช่วยให้ฮอร์โมนอินซูลินทำงานได้ดี

กรณีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคเบาหวาน และ/หรือมีภาวะอ้วน เด็กที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป จึงควรเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคเบาหวาน เพื่อรู้ทันแนวโน้มความเสี่ยง และป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน.