สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ว่าสมาคมรถยนต์นั่งส่วนบุคคลของจีน (ซีพีซีเอ) เปิดเผยว่า ในปี 2567 มีการขายรถยนต์พลังงานใหม่ (เอ็นอีวี) เกือบ 11 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 40.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี และคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งหรือ 47.6% ของยอดขายปลีกทั้งหมด เมื่อปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับสมาคมผู้ผลิตยานยนต์ยุโรป ยานยนต์ประเภทดังกล่าวคิดเป็นเพียง 22.6% ของยอดขายในตลาดยุโรป เมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา
Tesla China announced on Friday that its electric vehicle (#EV) sales in the Chinese mainland hit a record high of 657,000 units in 2024, up 8.8 percent year on year. #XinhuaNews pic.twitter.com/uhnN0AJyuA
— China Xinhua Sci-Tech (@XHscitech) January 4, 2025
เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ยอดขายรถอีวีในจีนสูงเกิน 1.3 ล้านคัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 37.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี และถือเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันที่มียอดขายเกิน 1 ล้านคัน โดยยอดขายรถยนต์ทั้งหมดเมื่อปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 5.5% แตะระดับเกือบ 22.9 ล้านคัน
นายฉุย ตงซู่ เลขาธิการซีพีซีเอ กล่าวว่า สงครามราคาอาจดำเนินต่อไปในปีใหม่ หลังจากเมื่อปีที่แล้ว รถยนต์มากกว่า 200 รุ่นประกาศลดราคา เทียบกับ 148 รุ่น ในปีก่อนหน้า
รถยนต์ของบริษัท “บีวายดี” ซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ที่เมืองเซินเจิ้น ครอง 1 ใน 3 ของส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในประเทศ ขณะที่ยอดขายทั่วโลกทะลุ 4 ล้านคันในปี 2567 อย่างไรก็ตาม ยอดขายในตลาดต่างประเทศ เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา คิดเป็นเพียง 12% ของยอดขายโดยรวมของบริษัท
ฉุยระบุว่า “ขณะนี้เรากำลังเผชิญแรงกดดันอย่างมหาศาลต่อการส่งออก” รวมถึงการกดดันราคาโดยสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งอ้างว่าเงินอุดหนุนของรัฐบาลจีนก่อให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม และการตัดราคา
ในทางกลับกัน คู่แข่งจากต่างประเทศกำลังเผชิญกับยอดขายที่ตกต่ำในจีน โดยเฉพาะเมื่อไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ซึ่งยอดขายรถบีวายดีแซงหน้าคู่แข่งระดับโลกอย่าง “เทสลา” เป็นครั้งแรก.
เครดิตภาพ : AFP