สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ว่า นกกระเรียนพันธุ์ไทยเป็นนกบินได้ซึ่งมีความสูงที่สุด มีความสูงถึง 1.65 เมตรตอนยืน และถือเป็นสายพันธุ์เปราะบาง ในบัญชีแดงของสหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (ไอยูซีเอ็น)


อย่างไรก็ตาม จำนวนนกกระเรียนสายพันธุ์นี้ลดลงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราการตายที่สูง และไม่ประสบความสำเร็จในการทำรัง


ส่วนภัยคุกคามอื่น ๆ ได้แก่ สภาพที่อยู่อาศัยเสื่อมโทรม การรบกวนการทำรัง พิษจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชในภาคการเกษตร การขาดแคลนอาหาร การโดนล่า แหล่งน้ำที่เปลี่ยนแปลงไป และปัจจัยจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

พื้นที่ชุ่มน้ำอันลุง ปริง (Anlung Pring) ในเขตกัมปงตรัต ของจังหวัดกำปอต เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกกระเรียนพันธุ์ไทย มากกว่า 35% ในช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งตรงกับเดือน ธ.ค.-พ.ค. ของแต่ละปี


ทั้งนี้ กระทรวงสิ่งแวดล้อมกัมพูชาร่วมมือกับเนเจอร์ไลฟ์ แคมโบเดีย เปิดตัว แผนริเริ่มข้าวนกกระเรียน (Crane Rice) เมื่อปี 2562 ซึ่งส่งเสริมให้เกษตรกรที่ทำนาข้าว ใกล้กับพื้นที่ชุ่มน้ำอันลุง ปริง เข้ามามีบทบาทอนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทย และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนท้องถิ่น ด้วยการปลูกข้าวพันธุ์พื้นเมืองที่นกกระเรียนชื่นชอบ โดยไม่ใช้ปุ๋ยเคมีหรือยาฆ่าแมลง และเกษตรกรจะทิ้งข้าว 5-50% ไว้ในทุ่งนา เพื่อเป็นอาหารเสริมให้นกกระเรียนนอกฤดูผสมพันธุ์


เกษตรกรซึ่งเข้าร่วมโครงการดังกล่าว สามารถผลิตข้าวรวมราว 300 ตันต่อปี ถือเป็นโครงการแก้ปัญหาตามธรรมชาติ ที่มุ่งอนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทยด้วยการบ่มเพาะแรงสนับสนุนที่เข้มแข็งจากชุมชน จนถึงปัจจุบันจำนวนเกษตรกรที่ร่วมโครงการนี้เพิ่มขึ้นจาก 40 ครัวเรือน เป็น 120 ครัวเรือน ขณะที่แหล่งที่อยู่อาศัยปลอดภัยได้ขยายจาก 219 เฮกตาร์ (ราว 1,360 ไร่) เป็น 386 เฮกตาร์ (ราว 2,400 ไร่).

ข้อมูล-ภาพ : XINHUA