เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่รัฐสภา พรรคประชาชนได้เชิญตัวแทนสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย นำโดย นายปิยะ เทศแย้ม นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย นายวิโชคศักดิ์ รณรงค์ไพรี นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย และตัวแทนประมงพื้นบ้าน เข้าร่วมหารือกรณีที่สมาคมฯ ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาพิจารณาทบทวนมาตรา 69 ในร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 พ.ศ. …. ที่สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2567 ซึ่งในการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมชั้นสภาผู้แทนราษฎรนั้น ได้มีมติเห็นชอบให้แก้ไขมาตรา 69 ของพระราชกำหนดการประมง พ.ศ.2558 ทำให้เกิดผลสำคัญคือ การเปิดให้ทำการประมงอวนตาถี่ด้วยวิธีล้อมจับในเวลากลางคืนได้ โดยมีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และนายเดชรัตน์ สุขกำเนิด ร่วมหารือ
โดยนายปิยะ ได้นำเสนองานวิชาการของนายทวนทอง จุฑาเกตุ อาจารย์คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ตั้ง 4 คำถามต่อประเด็นในมาตรา 69 ของร่างพ.ร.บ.ประมงฉบับใหม่ที่อนุญาตให้อวนล้อมจับตาอวนเล็กกว่า 2.5 ซม.สามารถจับสัตว์น้ำได้ในเวลากลางคืนจะส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำและระบบนิเวศอย่างไร ซึ่งเป็นประเด็นที่ตรงกับการเรียกร้องของสมาคมฯ มาโดยตลอด คือ 1.ลูกปลาวัยอ่อนกระจายตัวอยู่นอกฝั่ง 12 ไมล์ทะเลหรือไม่ 2.ผลจับสัตว์น้ำกลุ่มอื่นจะมีผลกระทบหรือไม่ 3.ระบบนิเวศในระยะยาวน่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และ 4.หากมีการใช้มาตรา 69 การประเมินสภาวะประชากรสัตว์น้ำเพื่อการอนุญาตทำการประมงควรต้องทำอย่างไร
ทั้งนี้ นายเดชรัตน์ ระบุว่า จะนำข้อกังวลของสมาคมฯ ไปหารือในชั้นกรรมาธิการโดยจะตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบให้ได้อย่างชัดเจนทุกประเด็นที่เกิดขึ้นในคณะทำงานด้วย
อย่างไรก็ตาม นายปิยะ กล่าวภายหลังการหารือว่า ต้องรอดูว่าทิศทางของกฎหมายประมงใหม่ฉบับนี้ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งต่อทรัพยากรชายฝั่ง สัตว์ทะเล ความยั่งยืนของระบบนิเวศ และอาชีพของประมงชายฝั่ง เราจะเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ให้ได้ ซึ่งวันจันทร์ที่ 13 ม.ค.นี้ พวกเราจะชุมนุมใหญ่เพื่อรอฟังคำตอบที่ชัดเจนว่าจะเป็นไปตามข้อเรียกร้องที่เราเคยเสนอไปแล้วหรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทยได้เข้ายื่นหนังสือถึงประธานวุฒิสภาผ่าน กมธ.พัฒนาการเมืองฯ และอนุกมธ.ด้านการประมงฯ ของวุฒิสภาโดยมี 2 ข้อเรียกร้องหลักคือ ให้มีการทบทวนร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 โดยเฉพาะมาตรา 69 และในการกระบวนการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการวิสามัญของวุฒิสภา ขอให้มีสัดส่วนบุคคลภายนอก ได้แก่ของตัวแทนชาวประมงพื้นบ้าน ตัวแทนองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม และตัวแทนนักวิชาการด้านทรัพยากรทะเลชายฝั่งและการประมงเข้าไปด้วย เพื่อให้ผู้มีความรู้เฉพาะด้านได้ทำหน้าที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้องตรงไปตรงมากับคณะกรรมาธิการแก้ไขกฎหมายอย่างรอบด้านต่อไป.