ศ.ดร.นพ.ประวิตร อัศวานนท์ ฝ่ายอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ “โรคตุ่มน้ำพอง” ว่า เป็นโรคในกลุ่มโรคผิวหนังเรื้อรัง ซึ่งมีหลายชนิด เกิดจากภูมิต้านทานของร่างกายทำงานผิดปกติ ทำให้ผิวหนังแยกตัวเป็นตุ่มน้ำใส ๆ พบได้ทั้งในเพศชายและหญิง เกิดได้ทุกอายุ ชนิดที่พบบ่อยที่สุด คือ Bullous Pemphigoid มักเกิดในผู้ที่มีอายุ 50 – 60 ปีขึ้นไป
โรคตุ่มน้ำพอง ไม่ใช่โรคติดต่อไม่ใช่โรคทางพันธุกรรม รักษาได้โดยการคุมอาการของโรคให้สงบ ไม่กำเริบขึ้นมาอีกในระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งหากคุมได้ดี ก็จะทำให้โรคสงบอยู่ได้นานหลายปี
อาการของโรคตุ่มน้ำพอง
- มีผื่นแดงและคันในระยะแรกเริ่ม
- เกิดตุ่มน้ำขึ้นหลายขนาด ตามบริเวณต่าง ๆ บนร่างกาย บางโรคอาจมีแผลในปาก
หรือเยื่อบุอื่น ๆ
- ถ้าตุ่มน้ำแตกจะมีอาการแสบ เป็นแผลถลอก
- เมื่อหายแล้วจะทิ้งร่องรอยให้เห็นบนผิวหนัง
แนวทางการรักษา
- แพทย์จะพิจารณาให้รับประทานยาประเภทสเตียรอยด์เป็นอันดับแรก เพื่อช่วยกดภูมิคุ้มกัน
- เมื่ออาการดีขึ้น อาจนำวิธีการอื่น ๆ มาประกอบการรักษา เช่น รับประทานยาลดการอักเสบ การใช้ยาทาที่ผิวหนังในกรณีที่ตุ่มน้ำพองเกิดขึ้นเฉพาะจุด
- หากผู้ป่วยต้องใช้ยารักษาเบาหวาน ยาขับปัสสาวะ แพทย์อาจมีการเปลี่ยนกลุ่มยา เพื่อช่วยให้การรักษาดีขึ้น
โรคตุ่มน้ำพองเป็นโรคเรื้อรังที่คุมได้ โดยส่วนมากไม่ได้รุนแรงถึงแก่ชีวิต