เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 8 ม.ค. 68 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธาน สส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 256 และเพิ่มหมวดใหม่ ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสนอต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้วตามระบบสารบัญ เพื่อให้พิจารณาบรรจุไว้ในวาระการประชุมร่วมรัฐสภาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสาระสำคัญของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ระบุเหตุผลตอนหนึ่งว่า เป็นการแก้ไขบางหมวด บางเรื่องที่กำหนดไว้อย่างเข้มงวด ทำให้ไม่อาจแก้ไขได้ ขัดต่อหลักการทั่วไปของรัฐธรรมนูญที่ดี ที่ต้องให้รัฐธรรมนูญมีลักษณะเป็นพลวัต ไม่ใช่หยุดนิ่ง ต้องให้แก้ไขได้ เมื่อยามประเทศต้องการให้เกิดการแก้ไขเพิ่มเติมให้ทันต่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลงภายในประเทศหรือสถานการณ์โลก อีกทั้งรัฐธรรมนูญจัดทำขึ้นภายใต้สถานการณ์พิเศษ ประชาชนไม่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และมีบทบัญญัติไม่สอดคล้องประชาธิปไตย

ส่วนรายละเอียดการแก้ไขมาตรา 256 นั้น มีสาระสำคัญคือ ตัดหลักเกณฑ์ที่ต้องใช้เสียง สว. ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 และเสียงของ สส.ฝ่ายค้าน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ออกจากกระบวนการเห็นพ้องชั้นการลงมติวาระแรกและวาระสามจากเดิมที่กำหนดไว้ และตัดเงื่อนไขการนำไปออกเสียงประชามติก่อนการทูลเกล้าฯ ถวายในมาตรา 256(8) ในกรณีที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ เรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่หรืออำนาจศาลหรือองค์กรอิสระ เรื่องที่ทำให้ศาลหรือองค์กรอิสระไม่อาจปฏิบัติหน้าที่หรืออำนาจได้ แต่ยังคงการให้ทำประชามติใน 3 กรณี คือ แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ หมวด 15 การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ

ขณะเดียวกันมีการเพิ่มหมวดใหม่ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำหนดให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 200 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน กำหนดข้อห้ามบุคคลที่จะสมัครเป็น ส.ส.ร. คือ เป็นข้าราชการการเมือง เป็น สส. สว. รัฐมนตรี และมีลักษณะต้องห้ามตามเดียวกับการสมัคร สส. โดยกำหนดให้ ส.ส.ร. ตั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 47 คน ที่มาจากการแต่งตั้งจาก ส.ส.ร. 24 คน มีคุณสมบัติคือ เชี่ยวชาญกฎหมายมหาชน รัฐศาสตร์ มีประสบการณ์ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน และการร่างรัฐธรรมนูญ และอีก 23 คน ให้ ส.ส.ร. แต่งตั้งจากการเสนอชื่อโดยสภา 12 คน สว. 5 คน และ ครม. 6 คน กำหนดระยะเวลายกร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จภายใน 180 วัน จากนั้นส่งให้รัฐสภาเห็นชอบภายใน 30 วัน เมื่อรัฐสภาเห็นชอบแล้ว ให้นำไปออกเสียงประชามติ นอกจากนี้ยังให้สิทธิรัฐสภามีอำนาจเสนอความเห็น เพื่อแก้เพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับที่ ส.ส.ร. ดำเนินการได้ด้วย ซึ่งกำหนดเป็นบทบังคับให้ ส.ส.ร. แก้ไขภายใน 30 วัน พร้อมกับให้ลงมติยืนยันด้วยเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของ ส.ส.ร. ที่มี จากนั้นจึงส่งให้ กกต. ทำประชามติ หาก ส.ส.ร. ลงมติไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข ให้ถือว่าร่างรัฐธรรมนูญนั้นตกไป และให้อำนาจ ส.ส.ร. ชุดเดิม ยกร่างใหม่ภายใน 90 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย กำหนดเป็นข้อห้ามที่ชัดเจนว่า “การจัดทำรัฐธรรมนูญที่มีผลเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญจะกระทำมิได้” พร้อมให้อำนาจรัฐสภาวินิจฉัยว่าหากมีการจัดทำเนื้อหาที่เป็นข้อห้ามดังกล่าว ให้ถือว่าร่างรัฐธรรมนูญตกไป และให้ ส.ส.ร. ต้องพ้นจากตำแหน่งไปด้วย โดยให้ สส. และ สว. เสนอญัตติต่อรัฐสภา เพื่อให้รัฐสภาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีก และกำหนดข้อห้าม ส.ส.ร. ชุดเดิม กลับมาเป็น ส.ส.ร. อีก.