กรณีที่เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในฐานะนายทะเบียนตาม พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 อาศัยอำนาจตามมาตรา 3 มาตรา 5 มาตรา 44 และมาตรา 53 วรรคสอง (3) (5) แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ได้มีคำสั่งเพิกถอนทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด เมื่อวันที่ 7 ม.ค. เนื่องด้วยรูปแบบการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ มีลักษณะเป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในธุรกิจตลาดแบบตรง โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้มขึ้น อันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 19 แห่ง พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

ด่วน! สคบ. สั่งเพิกถอนใบอนุญาต บ.ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด มีผลทันที

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 8 ม.ค. พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และในฐานะโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงกรณีการครอบครอง การซื้อขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของตัวแทนจำหน่าย ผู้อุปโภคบริโภคของบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่า สำหรับการเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวของ สคบ. เป็นการเพิกถอนบริษัทในกรณีธุรกิจตลาดแบบตรง ดังนั้น บุคคลที่มีการรับสินค้าไปแล้ว ก็ไม่ได้มีข้อกำหนดห้ามใด เพราะในมุมมองของตนเล็งเห็นว่า เมื่อสินค้าได้มีการซื้อขายไปแล้ว ก็เป็นสิทธิของผู้ซื้อสินค้า

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องผลิตภัณฑ์สินค้าของบริษัทฯ ดังกล่าว ก็เป็นอำนาจของทาง สคบ. ที่จะมีข้อกำหนดอย่างไรหรือไม่ เพราะ สคบ. คือผู้ถอนใบอนุญาต อีกทั้งในมุมคดีอาญาของดีเอสไอ ไม่ได้มีประเด็นเกี่ยวข้องสัมพันธ์ และการดำเนินการของ สคบ. ก็เกิดขึ้นหลังจากที่ดีเอสไอได้มีการสอบสวนดำเนินคดีอาญาไปแล้ว ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์และสินค้าของดิไอคอนฯ ทางดีเอสไอก็ไม่ได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลางในคดีแต่อย่างใด เพราะตัวผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในความครอบครองของผู้ครอบครอง ก็ไม่ได้มีการส่งมอบให้เป็นของกลางในคดี จึงขอย้ำว่า การจะดำเนินการอย่างไรกับสินค้า ผลิตภัณฑ์ของดิไอคอนฯ ระหว่างนี้ ขอให้เป็นความเห็นจาก สคบ. ในฐานะผู้ใช้กฎหมายเพิกถอนใบอนุญาต

พ.ต.ต.วรณัน เผยว่า สำหรับของกลางในคดีที่ดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดไว้ จะเป็นประเภทวัตถุที่ใช้พิสูจน์ความผิด อาทิ พยานเอกสาร ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ ที่ได้จากการตรวจค้น ส่วนพวกรายการทรัพย์สิน ก็จะถูกถ่ายโอนไปในการดำเนินการของคดีฟอกเงินแทน

ขณะที่แหล่งข่าวในกองคดีคุ้มครองผู้บริโภค กรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบายว่า หากดูตามที่บริษัท ดิไอคอน ยื่นขอจดทะเบียนการประกอบกิจการกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ซึ่งได้รับจดทะเบียนการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงให้แก่บริษัทดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ดังนั้น วิธีการที่ผู้ใดจะนำสินค้าและผลิตภัณฑ์ของบริษัท ออกไปจำหน่าย ก็จะใช้วิธีการแบบเดิมตามที่มีการจดทะเบียนไว้ไม่ได้ ฉะนั้น ผู้ที่ครอบครองสินค้าและผลิตภัณฑ์อยู่ อาจขายสินค้าได้ แต่ต้องไม่ใช่วิธีการตลาดแบบตรง เช่น การโพสต์ขายสินค้าทางแพลตฟอร์มออนไลน์ เป็นต้น.