เมื่อวันที่ 8 ม.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตามที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 หรือ “กฎหมายสมรสเท่าเทียม” จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ม.ค. 68 นอกจากการเตรียมความพร้อมในด้านระเบียบ ระบบ ตลอดจนบุคลากรที่เกี่ยวข้องแล้ว กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง ยังได้เตรียมจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ความพร้อม และการเริ่มต้นมีผลบังคับของกฎหมายสำคัญฉบับนี้ ให้เป็นที่รับรู้ทั้งในประเทศไทย ต่างประเทศ และทั่วโลกด้วย

โดยในวันที่ 13 ม.ค. 68 ที่จะถึงนี้ กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองจะจัดกิจกรรม “มอบธงแห่งความรักทั่วไทย” ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการแสดงความพร้อมเชิงสัญลักษณ์ในการเป็นนายทะเบียนสำหรับการจดทะเบียนสมรสที่มีความเท่าเทียมและสนับสนุนความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย จะเป็นประธานในงาน กล่าวเพื่อแสดงความพร้อมของกระทรวงมหาดไทย ในการสนับสนุนการจดทะเบียนสมรสที่มีความเสมอภาค ไม่เลือกปฏิบัติ แสดงความพร้อมของกรมการปกครอง ในการเป็นนายทะเบียนให้กับทุกความรัก โดยจะใช้โอกาสนี้แสดงความยินดีในความก้าวหน้าของประเทศไทย ในด้านความเท่าเทียมทางเพศด้วย

นอกจากนี้ จะมีอีกหนึ่งกิจกรรมไฮไลต์ของงานคือ การมอบธงสัญลักษณ์ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดจาก 76 แห่ง และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รวมถึงมี “Symposium Session” ซึ่งเป็นการแสดงเสียงสะท้อนจากหลากมุมมองเกี่ยวกับความเท่าเทียมด้วย

“กิจกรรมที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมยูเอ็น ในวันที่ 13 ม.ค. นอกจากเป็นการแสดงความพร้อมของกระทรวงมหาดไทย ในการส่งเสริมความเท่าเทียม ความเสมอภาค และการไม่เลือกปฏิบัติแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในระดับนานาชาติ ในฐานะประเทศที่ยอมรับและเคารพสิทธิมนุษยชน รวมถึงสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวต่อว่า จากนั้นในวันที่ 23 ม.ค. 68 ซึ่งเป็นวันที่กฎหมายเริ่มมีผลบังคับ กรมการปกครอง จะจัดกิจกรรม “ตีฆ้องชัย ให้ทุกความรัก 878 อำเภอทั่วไทย” ที่อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าจะมีผู้มีความหลากหลายทางเพศเข้าขอจดทะเบียนสมรสจำนวนมาก ซึ่งงานวันดังกล่าว ถือเป็นการเริ่มเฉลิมฉลองความเท่าเทียมทางความรัก ภายในงานจะมีการแสดงและขบวนขันหมากและพิธีจดทะเบียนสมรสสำหรับคู่รักจำนวน 10 คู่ โดยมีผู้บริหารกรมการปกครองเป็นสักขีพยาน