เมื่อวันที่ 7 ม.ค. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) แจ้งว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) พร้อมด้วย น.ส.ณหทัย ทิวไผ่งาม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่บริเวณจุดก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เพื่อตรวจสอบ และติดตามการดำเนินงานก่อสร้างของทั้งสองโครงการฯ ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระหว่าง การดำเนินการก่อสร้างโครงการฯ

นายประเสริฐ กล่าวว่า ได้ตรวจติดตามการปฏิบัติตามมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการฯ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกขั้นตอนปฏิบัติตามข้อกำหนดของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติอย่างเคร่งครัด ทั้งในด้านเสียง น้ำ อากาศ และฝุ่น โดยเฉพาะในบริเวณที่เป็นเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน ซึ่งต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ โดยจากการลงพื้นที่ พบว่า รฟม. ได้ดำเนินการก่อสร้างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยในด้านการจราจร อาจมีผลกระทบบ้างจากการปิดกั้นช่องจราจร แต่ รฟม. ได้คำนึงถึงวิธีการก่อสร้างที่ทันสมัย และการจัดการจราจร เพื่อช่วยลดผลกระทบด้านการจราจรและฝุ่นละออง PM 2.5 ในระหว่างการก่อสร้าง ทั้งนี้ได้มอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการฯ กำกับ และติดตามการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด

ด้านนายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการ รฟม. กล่าวว่า รฟม. ได้ดำเนินการตามมาตรการป้องกัน และแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด อาทิ การติดตั้งรั้วทึบสูง 2 เมตร ตามแนวพื้นที่ก่อสร้าง การปิดคลุมกองวัสดุก่อสร้างที่ก่อให้เกิดฝุ่นละอองในระหว่างรอการใช้งาน หรือรอการขนย้าย การทำความสะอาดล้อรถก่อนออกจากพื้นที่ก่อสร้าง การติดตั้งกำแพงกันเสียงชั่วคราวในพื้นที่ที่กำหนด เป็นต้น

รวมถึงยังได้จัดให้มีมาตรการเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากมาตรการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) กำหนด ได้แก่ การทำความสะอาดถนนสาธารณะโดยใช้รถกวาดดูดฝุ่น การติดตั้งระบบฉีดพ่นละอองน้ำแรงดันสูง (High Pressure Water System) เป็นต้น นอกจากนี้ รฟม. ยังได้จัดให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างตามมาตรการฯ ที่กำหนดไว้ในรายงาน EIA อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกเดือนทั้งในช่วงเวลากลางวัน และกลางคืน เพื่อควบคุมกำกับให้ผู้รับจ้างปฏิบัติตามมาตรการป้องกันฯ และมาตรการติดตามฯ อย่างครบถ้วน.