เมื่อวันที่ 7 ม.ค. กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ออกหนังสือชี้แจง ถึงกรณีที่ประชาชน จังหวัดกาฬสินธุ์ ที่เตรียมร้อง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวรีกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาที่ผู้รับเหมาทิ้งงานในโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำ หลักเมืองกาฬสินธุ์ โดยระบุข้อความว่า กรมฯ ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ข้อ 57 ในการพิจารณาผลการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ ใช้เกณฑ์ราคาโดยพิจารณาราคาต่ำสุดของผู้เสนอราคา ซึ่งได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เฮงนำกิจ และห้างหุ้นส่วนจำกัด ประชาพัฒน์ ดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 8 โครงการ คือ 1.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี วัดใหม่สามัคคี 2. โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี (ระยะที่ 2) วัดลำชีศรีวนาราม 3.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปาว บริเวณซอยน้ำทิพย์ไปทางทิศเหนือ ตำบลกาฬสินธุ์ 4.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมลำน้ำพาน หลังเทศบาลตำบลลำพาน บ้านวังยูง 5.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแก่งดอนกลาง ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์
6.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำชี บ้านหนองหวาย-บ้านหนองคล้า ตำบลลำชี 7.โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองกาฬสินธุ์ และ 8.โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมลำน้ำปาว หน้าวัดใต้โพธิ์ค้ำ จากสะพาน ค.ส.ล. ไปทางทิศใต้ ตำบลกาฬสินธุ์
ต่อมากรมฯ ได้บอกเลิกสัญญาโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีเหตุอันเชื่อได้ว่าไม่สามารถส่งมอบงานหรือทำงานให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดได้ ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 103 (2) พร้อมขอสงวนสิทธิริบหลักประกันสัญญา และชดใช้ค่าเสียหายกรณีที่สูงกว่าหลักประกันสัญญา
ภายหลังการบอกเลิกสัญญาโครงการดังกล่าว กรมฯ ได้ดำเนินการตามหนังสือคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค (กวจ) 0405.2/ว 108 ลงวันที่ 25 มี.ค. 63 กำหนดแนวทางปฏิบัติภายหลังหน่วยงานของรัฐบอกเลิกสัญญาตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 มาตรา 103 วรรคหนึ่ง (2) หรือ (4) คือ 1. แจ้งสถาบันการเงินที่ออกหนังสือค้ำประกัน โดยให้สถาบันการเงินชำระเงินตามสัญญาค้ำประกัน เรียบร้อยแล้ว 2. แจ้งรายชื่อผู้ทิ้งงานต่อกระทรวงการคลัง เรียบร้อยแล้ว 3. ค่าเสียหายในเบื้องต้น กรมฯ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างวัสดุอุปกรณ์และสัมภาระเพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งผู้รับจ้างนำมาใช้ก่อสร้าง พร้อมทั้งจัดทำบัญชีทรัพย์สินสิ่งก่อสร้างและสัมภาระอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้ง 8 โครงการ โดยได้จัดทำแล้วเสร็จตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค. 67 โดยกรมฯ จะตั้งคณะกรรมการและกำหนดค่าเสียหายของวัสดุ สำหรับงานที่ส่งมอบแล้วและในส่วนของพัสดุที่ยังไม่ได้ส่งมอบเพื่อให้ทราบค่าเสียหายและเพื่อจะได้จัดจ้างผู้รับจ้างรายใหม่ ดำเนินการแทนผู้รับจ้างเดิม สำหรับกรณีราคาพัสดุหรือค่างานที่เพิ่มสูงขึ้นจากสัญญาเดิม ให้ถือเป็นค่าเสียหายที่ผู้ขายหรือผู้รับจ้างรายเดิมจะต้องรับผิดชอบ
และ 4. การประเมินค่าเสียหาย เมื่อทราบค่าเสียหาย ค่าปรับ ค่าควบคุมงานที่เพิ่มขึ้น จะนำไปหักออกจากหลักประกันสัญญาจนครบถ้วน หากค่าเสียหายมีจำนวนเงินมากกว่าจำนวนเงินตามหลักประกันสัญญา กรมฯ จะดำเนินการริบหลักประกันสัญญาไว้ทั้งหมด และเรียกร้องให้ผู้รับจ้างรายเดิมต้องชดใช้ค่าเสียหายเพิ่มเติมอีกจนครบจำนวน หากผู้รับจ้างรายเดิมไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหายไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน กรมฯ จะส่งเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินคดีกับผู้ขายหรือผู้รับจ้างรายเดิม
สำหรับเงินล่วงหน้า 15% ของทั้ง 8 โครงการที่ผู้รับจ้างได้เบิกไป ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริการพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ตามข้อ 89 ผู้รับจ้างได้ส่งเงินทั้งหมดคืนเข้าเป็นรายได้แผ่นดินเรียบร้อยแล้ว แต่เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีความจำเป็นต้องเร่งจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ชุมชนและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินการก่อสร้างที่ไม่แล้วเสร็จ ทำให้ประสบปัญหาน้ำท่วมในแต่ละปีมาโดยตลอด รวมถึงอันตรายที่อาจจะเกิดกับผู้ใช้เส้นทางสัญจร จึงจำเป็นต้องจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่เข้าดำเนินการ กรมฯ จึงมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนเพื่อดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่เข้าดำเนินการโครงการต่อจนแล้วเสร็จ แต่จะปรับลดเนื้องานให้อยู่ภายในวงเงินงบประมาณที่เหลืออยู่ โดยยังคงวัตถุประสงค์เดิมของโครงการ และดำเนินการจัดหาผู้รับจ้างรายใหม่ ส่วนองค์ประกอบของงานที่ถูกตัดออก หากยังมีความจำเป็น กรมฯ จะจัดตั้งงบประมาณใหม่เพื่อดำเนินการภายหลัง โดยโครงการที่ 7 คือ โครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำหลักเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ผู้รับจ้างเรียบร้อยแล้ว และโครงการที่เหลือ กรมฯ กำลังดำเนินการหาผู้รับจ้างรายใหม่ ซึ่งคาดว่าจะลงนามในสัญญาใหม่ ภายในเดือน ก.พ. 68
กรมโยธาธิการและผังเมือง ขอยืนยันว่า การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นไปตามกฎระเบียบทุกประการ ไม่มีการเอื้อหรือเจตนาฉ้อฉล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์อันสูงสุดของประชาชน ในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข”