เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ม.ค. 68 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี การหายตัวอย่างปริศนาของ นายซิงซิง ดาราหนุ่มจากจีน โดยแฟนสาวของเขาได้ให้ข้อมูลว่า หลังถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่ของไทย หลอกมาแคสงาน พบจุดสุดท้ายที่ชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณ อ.แม่สอด จ.ตาก ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะเทำลายภาพลักษณ์ประเทศและการท่องเที่ยวของประเทศไทย ก่อนหน้านี้มีกรณีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ถูกพาตัวข้ามไปทำงานและเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาเป็นเวลานาน มีคนนับแสนคนที่อยู่ที่นั่นจำนวนมาก ถูกบังคับเป็นแรงงานทาสให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังนั้นหากเราไม่ทำอะไร ภาพลักษณ์ประเทศไทยก็จะเสียหายไปเรื่อยๆ ว่าไทยเป็นทางผ่านเกือบทั้งหมดของคนที่จะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ว่าจะสมัครใจหรือไม่ จะต้องเดินทางผ่านประเทศไทย กรณีดาราชาวจีนไม่ใช่กรณีแรก แต่ควรเป็นบทเรียนได้แล้วที่ประเทศเราต้องเอาจริงเอาจัง

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 9 ม.ค. นี้ กมธ.ความมั่นคงฯ จะพิจารณาเรื่องการค้ามนุษย์แนวชายแดน โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งจะนำผลในเรื่องนี้หารือกับกองทัพรวมถึงฝ่ายที่มีอำนาจหน้าที่ หาวิธีการที่จะช่วยเหลือ แต่ต้องยืนยันว่าวิธีการที่เรากำลังจะทำในวันที่ 9 ม.ค. นี้ เราช่วยออกมาอย่างเต็มที่ อาจจะแค่หลักร้อย แต่ตัวเลขที่เป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์อาจจะหลักแสน สิ่งที่เราต้องการคือระบบและการเอาจริงของรัฐบาล วันนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของต่างประเทศ ประเทศไทยจะไปทำอะไรแบบนี้ไม่ได้ เรื่องนี้เราไม่ควรปฏิเสธอีกต่อไป ประเทศไทยต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยจะเสียหายมากกว่านี้

เมื่อถามย้ำว่า กรณีของนายซิงซิง การข่าวระบุชัดแล้วใช่หรือไม่ว่าเป็นการเรียกค่าไถ่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ข้อมูลตรงนั้น แต่เชื่อว่าก็เป็นไปได้ในเรื่องของค่าไถ่ เพราะปกติแล้วมันจะมีเอเย่นต์ เมื่อล่อลวงและได้คนมาแล้ว เขาส่งก็จะได้เงิน ฉะนั้น ทุกคนมีค่าตัวและมีต้นทุน ดังนั้น หากอยู่ๆ คนเหล่านี้จะกลับ ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ซึ่งข้อแลกเปลี่ยนเหล่านี้จะเป็นอะไร ก็อาจจะเป็นค่าไถ่ได้ เนื่องจากเป็นวัฏจักรแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

เมื่อถามว่า เรื่องการปราบปรามมาเฟียชาวจีนมองว่าฝ่ายความมั่นคงทำงานช้าไปหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ และมาเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องตู้ห่าว ที่ได้ข่าวว่ากลับมาอีกแล้ว แต่จริงเท็จอย่างไร ก็ฝากหน่วยงานบ้านเมืองไปตรวจสอบ พอได้ข่าวว่าเครือข่ายตู้ห่าวกลับมา และพร้อมปฏิบัติการแล้ว ขอให้ลองไปดูที่สนามบินแม่สอด ว่าคนส่วนใหญ่เป็นชาติไหน เรื่องนี้ทำกันอย่างโจ่งครึ่ม แต่เวลาที่หน่วยงานความมั่นคงจะจัดการกลับต้องรอให้เป็นข่าวก่อน ดังนั้น สิ่งที่เป็นโจทย์ให้รัฐบาลคือต้องวางแผนว่าจะทำอย่างไร วันนี้ชายแดนของเราอ่อนแอมาก สิ่งดำๆ เทาๆ ทั้งหลาย ถึงเวลาที่เราต้องทำมาตรการทั้งหลายดำเนินการได้แล้ว ตนมองว่าหากปัญหาเรื่องการฟรีวีซ่า เปิดให้ชาวจีนสามารถเดินทางได้ทั่วราชอาณาจักร หากเป็นปัญหา ตนคิดว่าหากกำหนดพื้นที่พิเศษอาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องทบทวนเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่า ในประเด็นเหล่านี้จะนำไปสู่การอภิปรายหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังมีเวลาเตรียมการ เพราะเราไม่ไว้ใจรัฐบาลให้เป็นรัฐบาล ดังนั้นยิ่งรัฐบาลล้มเหลวในเรื่องต่างๆ มากเท่าไหร่ เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นโอกาสให้ฝ่ายค้านสนับสนุนในการโหวตไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมปัญหา บาดแผล ความล้มเหลวทั้งหมด ดังนั้น ทุกเรื่องมีความเป็นไปได้หมด ขอยืนยันว่าการซักฟอกครั้งนี้ เราเต็มที่แน่นอน มีเท่าไหร่ใส่หมด และระหว่างที่การซักฟอกยังมาไม่ถึง

“ผมไม่เห็น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พูดอะไรเท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ผมเห็นอดีตนายกฯ ทักษิณ พูดเรื่องนี้ ก็ไม่รู้ว่าตกลงแล้วรัฐบาลนี้จะเอาอย่างไร เพราะผมก็ฟังนโยบายและทิศทางต่างๆ จากนายทักษิณ หวังว่าจะเอาจริง เอาจัง พูดมาหลายรอบแล้วเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ และปัญหาการหลอกลวงทั้งเงินและค้ามนุษย์ ผมว่ารัฐบาลนี้ควรทำให้ได้ เราอยากเห็นรัฐบาลใช้อำนาจที่ตัวเองมี ในการทำให้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หมดไป ไม่ใช่มัวแต่มาตีกัน กัดกัน ขวางกัน ไม่ใช่มัวแต่มาให้พ่อเลี้ยง อย่าปล่อยให้เวลาการเป็นรัฐบาลตอนนี้เสียไป อย่าทำให้ประชาชนผิดหวังไปมากกว่านี้“ นายรังสิมันต์ กล่าว.