เมื่อวันที่ 6 ม.ค. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า การแก้ไข พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 กำลังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการ ซึ่งผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างเสร็จแล้ว แต่ไม่ทันที่จะนำวาระเข้าเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการประชุมวันที่ 7 ม.ค. นี้ เนื่องจาก สำนักงานสํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติม แต่จะพยายามให้ทันการประชุม ครม. ในนัดต่อไปวันที่ 14 ม.ค. นี้

“ได้มาติดตามเรื่องนี้กับ สลค. ด้วยตนเอง ที่ทำเนียบรัฐบาล พบว่าได้มีการขอข้อมูลเพิ่มเติม จึงไม่ทันเข้า ครม. วันที่ 7 ม.ค. แต่ตอนนี้รัฐบาลพยายามเร่งให้กฎหมายออกมาบังคับใช้โดยเร็ว เพื่อลดความเดือดร้อนของประชาชน โดยมีเป้าหมายจะลดอาชญากรรมออนไลน์ที่เกิดขึ้นและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนให้ให้ลดลงได้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการให้ธนาคารและผู้ให้บริการมือถือร่วมรับผิดนั้น จะต้องดูความความบกพร่องเกิดจากส่วนใด เป็นผู้ให้บริการหรือไม่ หากไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ต้องพิสูจน์กันในชั้นศาล ผู้ประกอบการเอกชนจึงไม่ต้องกังวล ไม่ได้หมายความว่าต้องรับผิดทุกกรณี ต้องพิสูจน์ว่าบกพร่องตรงไหน”

ด้าน นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า สาระสำคัญของการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้ธนาคารและผู้ให้บริการมือถือและแพลตฟอร์ม ร่วมรับผิดชอบความเสียหายนั้น จะมีการระบุถึงความผิดลักษณะใดที่ต้องรับผิด และการชดเชยเป็นอย่างไร แต่ต้องดูว่าความเสียหายเกิดจากการประมาท หรือความโลภของผู้ใช้งานด้วยหรือไม่ ซึ่งจะต้องพิสูจน์ดูเป็นรายๆ กรณี ว่าความเสียหายเกิดจากธนาคารหรือผู้ให้บริการมือถือปล่อยปละละเลย หรือมีความบกพร่องหรือไม่ ส่วนการปิดแพลตฟอร์มจะทำได้หรือไม่ อยู่ที่กระบวนการบังคับใช้กฎหมาย แต่เมื่อกฎหมายออกมาประกาศใช้แล้ว เอกชนไม่มีสิทธิที่จะมาไม่เห็นด้วย หากเป็นกฎหมายแล้วก็ต้องปฏิบัติตาม