เมื่อวันที่ 6 ม.ค. นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. พร้อมด้วย นายศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัด กทม. ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายผู้ว่าฯ กทม.ในการจัดระเบียบพื้นที่ทางเท้าและการยกเลิกพื้นที่ทำการค้าในพื้นที่เขตปทุมวัน บริเวณซอยต้นสน ถนนเพลินจิต หน้าอาคารสยามสเคป ถนนพญาไท และรอบศาลท้าวมหาพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ รวมถึงติดตามการยกเลิกพื้นที่ทำการค้าในพื้นที่เขตบางรัก บริเวณซอยสีลม 12 ถึงภัตตาคารเชียงการีลา ถนนสีลม

โดยมี นายอิทธิพล อิงประสาร ผอ.เขตปทุมวัน นางพรพัน วัฒนสินธุ์ ผอ.เขตบางรัก พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจ สำนักงานเขตปทุมวัน สำนักงานเขตบางรัก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่และให้ข้อมูล


รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ลงพื้นที่ติดตามการยกเลิกพื้นที่ทำการค้าในพื้นที่เขตปทุมวัน จำนวน 3 จุด จุดแรกบริเวณซอยต้นสน ถนนเพลินจิต ผู้ค้า 17 ราย ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวราดแกง ร้านก๋วยเตี๋ยว เป็นรถเข็นมาตั้งวางขายสินค้าบนทางเท้า ติดกับอาคารเพลินจิตทาวเวอร์ มีการประกอบอาหารก่อให้เกิดความสกปรกจากคราบน้ำมันและเศษอาหาร รวมถึงก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์บนพื้นทางเท้า มีการล้างทำความสะอาดภาชนะประกอบอาหารและจานชาม และเทน้ำลงในท่อระบายน้ำภายในซอยต้นสน 


จุดที่ 2 ถนนพญาไท หน้าห้างสยามสเคป มีผู้ค้า 9 ราย นำรถเข็นมาจอดบนทางเท้าขายอาหารสำเร็จรูป ใน 2 จุดนี้ เขตปทุมวันได้เชิญผู้ค้ามาประชุมสร้างความเข้าใจในการจัดระเบียบพื้นที่ทางเท้า รวมถึงยกเลิกพื้นที่ทำการค้าดังกล่าว เพื่อคืนทางเท้าให้ประชาชนสัญจรได้อย่างสะดวกและปลอดภัย โดยยกเลิก 2 จุดดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 68 และจุดที่ 3 รอบศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ ผู้ค้า 3 ราย ขายดอกไม้ พวงมาลัย ในจุดนี้เขตปทุมวันจะเชิญผู้ค้ามาประชุมเพื่อจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าใหม่ 


รองผู้ว่าฯ กทม. เผยต่อไปว่า ส่วนการยกเลิกพื้นที่ทำการค้าในพื้นที่เขตบางรัก บริเวณซอยสีลม 12 ถึงภัตตาคารเชียงการีลา ถนนสีลม มีผู้ค้า 6 ราย ซึ่งเขตบางรักได้ยกเลิกพื้นที่ทำการค้าดังกล่าว เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา โดยย้ายผู้ค้าให้เข้าไปทำการค้าในซอยสีลม 10 พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้เขตฯ ติดตามการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้าอย่างต่อเนื่อง ล้างทำความสะอาดพื้นที่ในจุดที่มีคราบไขมันจากการประกอบอาหาร ติดป้ายห้ามขายหรือจำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535.