เปิดศักราชใหม่ กับปี 2568 ที่ดูเหมือนว่าอุณหภูมิทางการเมืองในประเทศ เริ่มร้อนแรงขึ้น สวนทางกับสภาพอากาศในบ้านเมือง เพราะอย่างที่รู้กันอยู่ว่าการเมืองของไทยดุเดือดต่อเนื่องมาอย่างไม่ลดละตั้งแต่มีการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา

ประเด็นร้อนที่มาสุมไฟ คงจะหนีไม่พ้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่แต่ละพรรคก็มีจุดยืน โดยเฉพาะประเด็น สำหรับมาตรา 112 อีกทั้ง ปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่ขณะนี้ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีแนวทางแก้ไขปัญหาได้อย่างตกผลึก  โดยเฉพาะโครงการแจกเงินหมื่นที่ดูเหมือนจะเป็นศึกภายในที่รัฐบาลต้องหาแนวทางรับมือและแก้ไขปัญหาให้รวดเร็วและรัดกุมที่สุด เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนทั้งประเทศตั้งความหวังและเฝ้ารอมากที่สุด เพราะหากทำไม่ได้ หรือทำได้ไม่ตรงกับความคาดหวังของประชาชน คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลก็จะยิ่งลดลงไป

ประเด็นที่ดูแล้วจะสะเทือนในตำแหน่งในฝั่งบริหาร นั้นคือ การคณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากขณะนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็ได้ทำงานเป็นประมุขฝ่ายบริหารเข้าสู่เดือนที่ 4 แล้ว และตัวของนายกรัฐมนตรีเอง ก็ได้พูดคุยกับผู้สื่อข่าวในวันเลี้ยงปีใหม่ของทำเนียบรัฐบาลว่า หลังปีใหม่อาจจะมีการปรับ ครม.เกิดขึ้น

และดูเหมือนจะมีสัญญาณเตือนชัดเจนก่อนหน้านี้แล้วว่า น่าจะมีการปรับ ครม. เกิดขึ้น จากการที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นพูดบนเวทีเสวนาพรรคเพื่อไทย ที่บ่งบอกให้รู้ว่าขณะนี้กำลังจับตาการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลอยู่อย่างใกล้ชิด  ทำให้เห็นได้ชัดว่าการปรับครม. ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี แต่ขึ้นอยู่กับผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง อย่าง นายทักษิณ

อีกทั้งการเลือกตั้งนายกอบจ.ที่จะเกิดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 ก.พ. นี้ ก็เป็นการขี่คอ กันระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งดูจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยก็ แสดงแสงยานุภาพ กวาดเรียบมาหลายจังหวัด เห็นได้ชัดว่านายทักษิณเองก็จะต้องการจะทวงคืน คะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทยในพื้นที่ภาคอีสานกลับมา โดยการเตรียมลงพื้นที่ แบบค้างคืน ซึ่งก็สร้างความหวั่นไหวให้กับทางภูมิใจไทยอยู่ไม่น้อย

และพื้นที่ ที่เป็นที่จับตามองคือ พื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งนายกอบจ.  เพราะที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้เสียคะแนนให้กับ พรรคประชาชน หรือ พรรคก้าวไกลในอดีต ที่คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งใหญ่ไปอย่าล้นหลาม  ซึ่งในการเลือกตั้งนายกอบจ. เชียงใหม่ในครั้งนี้ นายทักษิณคงจะหมายมั่นปั้นมือ ว่าจะได้รับชัยชนะ และนำคะแนนเสียงกลับคืนมาให้กับพรรคเพื่อไทย

เพราะหาก ทำไม่ได้ก็อาจจะหมายถึงจุดจบทางการเมืองระดับชาติของพรรคเพื่อไทย และคงยากกับความหวังที่จะกลับมาเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งของประเทศ และไม่แน่ว่าประเด็นร้อนทั้งหลายนี้จะย้อนกลับมาเผาพรรคเพื่อไทย ให้สิ้นชื่อไปก็เป็นไปได้