สำนักข่าวซินหัวรายงานจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ว่า ราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีส่วนสำคัญให้กับการเพิ่มความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีทั้งสามคนดังกล่าว


เช่นเดียวกับความมั่งคั่งของ นายแลร์รี เอลลิสัน นายเจฟฟ์ เบโซส์ นายไมเคิล เดลล์ รวมถึงนายแลร์รี เพจ และ นายเซอร์เกย์ บริน ผู้ก่อตั้งร่วมของกูเกิล ซึ่งเพียงเฉพาะมหาเศรษฐียักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีทั้ง 8 คนดังกล่าว มีความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นรวมกันมากกว่า 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 20.54 ล้านล้านบาท) เมื่อปี 2567 คิดเป็น 43% ของมูลค่าความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 51.36 ล้านล้านบาท) ในกลุ่มมหาเศรษฐี 500 อันดับแรกของโลก โดยดัชนีความมั่งคั่งของมหาเศรษฐี ซึ่งบลูมเบิร์กจัดอันดับ


มัสก์ ซึ่งสื่อขนานนามว่า “เพื่อนสนิทคนแรก” ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ครองตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกประจำปีที่แล้ว


ความสัมพันธ์ใกล้ชิดของมัสก์กับทรัมป์ ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทของมัสก์ และทำให้ความมั่งคั่งของเจ้าตัวพุ่งสูงถึง 442,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 15.14 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 213,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.29 ล้านล้านบาท) จากช่วงต้นปี 2567


อนึ่ง ความมั่งคั่งของมัสก์กับเบโซส์ มีส่วนต่างราว 237,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.11 ล้านล้านบาท) ณ วันที่ 17 ธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นช่องว่างมากที่สุดระหว่างมหาเศรษฐีอันดับ 1 และอันดับ 2 เท่าที่เคยมีการบันทึก ในดัชนีความมั่งคั่งมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก.

ข้อมูล : XINHUA

เครดิตภาพ : AFP